Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/10640
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorนิตยา เพ็ญศิรินภาth_TH
dc.contributor.authorอำพล อรดี, 2519-th_TH
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษาth_TH
dc.date.accessioned2023-12-04T02:42:04Z-
dc.date.available2023-12-04T02:42:04Z-
dc.date.issued2561-
dc.identifier.urihttps://ir.stou.ac.th/handle/123456789/10640-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (ส.ม.(บริหารโรงพยาบาล))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2561th_TH
dc.description.abstractการวิจัยเชิงสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาลักษณะส่วนบุคคล องค์กร และวัฒนธรรมความปลอดภัยผู้ป่วย (2) เปรียบเทียบวัฒนธรรมความปลอดภัยผู้ป่วยตามปัจจัยส่วนบุคคล และ (3) ทำนายอิทธิพลของปัจัยส่วนบุคคล องค์กร และวัฒนธรรมความปลอดภัยผู้ป่วยของบุคลากรฝ่ายเภสัชกรรมชุมชน โรงพยาบาลชุมชน จังหวัดกาพสินธุ์ ประชากรที่ศึกษาคือบุคลากรที่ปฏิบัติงานในฝ่ายเภสัชกรรมชุมชน โรงพยาบาลชุมชนจังหวัดกาพสินธุ์ จำนวน 202 คน กลุ่มตัวอย่างจำนวน 104 คน ที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ เครื่องมือคือแบบสอบถามที่มีค่าความเที่ยงด้านองค์กรตามองค์ประกอบ 7 ประการของแมคคินซีย์ และด้านวัฒนธรรมความปลอดภัยผู้ป่วยเท่ากับ 0.90 และ 0.91 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทคสอบที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์การถคถอยพหุคูณแบบขั้นตอน ผลการศึกษาพบว่า (1) บุคลากรฝ่ายเภสัชกรรมชุมชน โรงพยาบาลชุมชน จังหวัดกาฬสินธุ์ มีอายุเฉลี่ย 33.9 ปี ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ปฏิบัติงานในสายงานนี้น้อยกว่า 10 ปี มีตำแหน่งเภสัชกร ร้อยละ 43.30 เกือบทั้งหมคทำหน้าที่เป็นผู้ปฏิบัติงาน เกือบร้อยละ 90 เข้ารับการอบรมในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมาเพื่อรองรับงานเภสัชกรรม และงานพัฒนาคุณภาพ ร้อยละ 50 และ 38.50 ตามลำดับ การประเมินปัจจัยองค์กรตามองค์ประกอบ 7 ประการของเมคดินซีย์ พบว่า ด้านกลยุทธ์ ด้านโครงสร้งองค์กร ด้านระบบ ด้านบุคลากร ด้านทักษะ และด้านค่านิยมร่วมอยู่ในระดับดี มีเพียงด้านสไตล์อยู่ในระดับพอใช้ สำหรับระดับวัฒนธรรมความปลอดภัยผู้ป่วยพบว่าอยู่ในระดับสูงทุกองค์ประกอบทั้งในภาพรวมและราย (2) ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างวัฒนธรรมความปลอดภัยผู้ป่วยของบุคลากรเมื่อจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ (3) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมความปลอดภัยผู้ป่วย คือ ปัจจัยด้านองค์กร โดยอธิบายได้ร้อยละ 73.4 และเมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ปัจจัยองค์กรด้านกลยุทธ์ ด้านบุคลากร และด้านระบบ สามารถพยากรณ์วัฒนธรรมความปลอดภัยผู้ป่วยได้ร้อยละ 77.2th_TH
dc.formatapplication/pdfen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)en_US
dc.rights.urihttps://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/en_US
dc.sourceBorn digitalen_US
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกบริหารโรงพยาบาล --วิทยานิพนธ์th_TH
dc.subjectโรงพยาบาล--มาตรการความปลอดภัยth_TH
dc.subjectเภสัชกรรม--มาตรการความปลอดภัยth_TH
dc.titleวัฒนธรรมเพื่อความปลอดภัยผู้ป่วยของหน่วยงานเภสัชกรรมโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดกาฬสินธุ์th_TH
dc.title.alternativePatient safety culture for pharmacy departments at community hospitals in Kalasin Provinceen_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตth_TH
dc.degree.levelปริญญาโทth_TH
dc.degree.disciplineสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพth_TH
dc.degree.grantorมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.description.abstractalternativeThe purposes of this survey research were to (1) identify personal, organizational and patient safety culture characteristics, (2) compare patient safety cultures by personal factor, and (3) predict the influence of personal and organizational factors on patient safety culture of health-care staff in pharmacy departments at community hospitals in Kalasin province. The survey was conducted among 104 staff selected out of 202 health-care staff at the pharmacy departments, using the stratified random sampling. Data were collected using a questionnaire with reliability values of 0.90 and 0.91 for organizational factors according to the McKinsey 7-S framework and for patient safety culture components, respectively. Data were analyzed to determine percentage, means and standard deviations, and to perform independent t-test, one-way ANOVA and stepwise multiple regression analysis. The results showed that: (1) among the respondents with an average age of 33.9 years, most of them were female, completed a bachelor's degree or equivalent, and had less than 10 years of work experience; 43.3% were pharmacists; however, almost all (nearly 90%) were operating staff; within the past year, 50% and 38.50% attended training programs in pharmacy operations and quality improvement, respectively; regarding organizational aspects as per McKinsey’s 7-S framework, the strategy, organizational structure, system, personnel, skills and shared values were at a good level; only the management style was at a fair level; while patient safety culture levels (overall and aspect-specific) were high; (2) there was no significant difference in patient safety cultures of staff by personal factor; and (3) the factor influencing patient safety culture was organizational factor (R2 = 73.4%); when considering each aspect of organizational factor, strategy, personnel, and system could predict 77.2% of patient safety cultureen_US
dc.contributor.coadvisorพรทิพย์ กีระพงษ์th_TH
Appears in Collections:Health-Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
FULLTEXT.pdfเอกสารฉบับเต็ม14.73 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons