Factors Influencing Work Motivation among the transferred Primary Health Care Personnels of Chonburi Provincial Administrative Organization

Abstract

This study aimed to study: (1) levels of work motivation and personnels management readiness among the transferred primary health care personnels; (2) comparing the levels of motivation categorized by personal factors; and (3) factors influencing work motivation among the transferred primary health care personnels of Chonburi Provincial Administrative Organization. This quantitative research targeted a population of 883 transferred primary health care personnels. A sample of 275 was determined using Taro Yamane’s formula with a 0.05 margin of error. Data were collected through questionnaires and analyzed using frequency distribution, mean, percentage, standard deviation, t-tests, one-way ANOVA, and multiple regression, with statistical significance set at 0.05.The results indicated that: (1) the overall level of motivation among the transferred primary health care personnels was high, as was their overall readiness for personnel management; (2) personal factors such as gender, monthly income, and years of service significantly affected the different levels of motivation, while age, education level, and job position did not show statistically significant differences at the 0.05 level; and (3) five aspects of personnel management readiness significantly influenced work motivation, including competency-based personnel management , task-based personnel transfer, provision of options for transferred personnel, having a clear personnel development plan, and continuity in personnel management, all with statistical significance at the 0.05 level, these factors collectively explain 39.9% of the variance in the work motivation of primary health care personnels of Chonburi Provincial Administrative Organization.

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) ระดับแรงจูงใจและระดับความพร้อมในการบริหารบุคคลของบุคลากรถ่ายโอน (2) เปรียบเทียบระดับแรงจูงใจของบุคลากรจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล และ (3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรหน่วยบริการสาธารณสุขระดับปฐมภูมิที่ถ่ายโอนไปสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีการศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ประชากร คือ บุคลากรหน่วยบริการสาธารณสุขระดับปฐมภูมิที่ถ่ายโอนไปสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี จำนวน 883 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษามีจำนวน 275 คน โดยการกำหนดกลุ่มตัวอย่างจากสูตรทาโร่ ยามาเน่ ที่มีความคาดเคลื่อนที่ระดับ 0.05 เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที ค่าความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05ผลการศึกษาพบว่า (1) ภาพรวมปัจจัยแรงจูงใจของบุคลากรหน่วยบริการสาธารณสุขระดับปฐมภูมิที่ถ่ายโอนไปสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีอยู่ในระดับมาก และภาพรวมปัจจัยความพร้อมในการบริหารงานบุคคลอยู่ในระดับมาก (2) ความแตกต่างของปัจจัยส่วนบุคคล ด้านเพศด้านรายได้ต่อเดือนและด้านระยะเวลาในการปฏิบัติงาน ทำให้มีระดับแรงจูงใจแตกต่างกัน ส่วนความแตกต่างของปัจจัยด้านอายุ ด้านระดับการศึกษา และด้านตำแหน่งงานไม่ทำให้มีระดับแรงจูงใจแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ(3) ปัจจัยความพร้อมในการบริหารงานบุคคลทั้ง 5 ด้าน ส่งผลต่อแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรหน่วยบริการสาธารณสุขระดับปฐมภูมิที่ถ่ายโอนไปสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ดังนี้ ด้านบริหารบุคคลแบบเน้นสมรรถนะ ด้านการถ่ายโอนบุคลากรตามภารกิจ ด้านการสร้างทางเลือกให้บุคลากรถ่ายโอน ด้านการมีแผนพัฒนาบุคลากรที่ชัดเจน และด้านความต่อเนื่องในการบริหารงานบุคคล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งสามารถร่วมกันพยากรณ์การแปรผันของแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของบุคลากรหน่วยบริการสาธารณสุขระดับปฐมภูมิที่ถ่ายโอนไปสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี คิดเป็นร้อยละ 39.9