Marketing Technology Factors that Affect the MarketingWork Efficiency of Personnel Working in the AccommodationBusinesses in the Tourist Areas of Samaesan and Bang SaraySub-districts, Sattahip District, Chonburi Province

Abstract

This study aimed (1) to examine personal characteristics, technological competency factors, and market technology acceptance factors related to the marketing work efficiency of personnel working in the accommodation businesses in the tourist areas of Samaesan and Bang Saray sub-districts, Sattahip district, Chonburi province; (2) to investigate factors influencing marketing work efficiency; and (3) to compare marketing work efficiency when applying market technology in the workplace, categorized by personal characteristics.

This study was quantitative research The population was accommodation businesses and marketing personnel in the tourist areas of Samaesan and Bang Saray sub-district, Sattahip district, Chonburi province. The population comprised 152 accommodation businesses and marketing personnel. The sample size was calculated by using Taro Yamane's formula. The sampling method used in this study was proportional stratified random sampling. The statistics used for the data analysis included frequency, percentage, mean, standard deviation, one-way analysis of variance (ANOVA), and multiple regression analysis.

The findings revealed that (1) regarding the components of factors related to marketing work efficiency, the majority of marketing personnel were female, aged between 36-40 years old, held a bachelor's degree, and held operational-level positions with more than 15 years of work experience. Most businesses were predominantly small-scale and sole proprietorships. The overall opinion level on technological factors was high, with a mean of 3.93. By ranking from the highest to the lowest mean, the factors were the frequency of technology use, ability to learn technology, personnel, and technology readiness, respectively. Regarding technology acceptance factors, the overall level was very high, with a total mean of 4.22. By ranking from the highest to the lowest mean, the factors were perceived usefulness for technology use, attitude and organizational support for technology use, perceived ease of technology use, and intention to use technology. (2) The top two ranking factors influencing marketing work efficiency were identified. The first factor is the technological characteristic factor, specifically regarding readiness to use technology and the frequency of technology usage. The second factor is the market technology acceptance factor, particularly in perceived usefulness and organizational attitudes. These factors significantly affect marketing work efficiency at a statistical significance of 0.05 level. The factors could jointly predict the variance of influence on marketing work efficiency at 37.4% and 55.0%, respectively. (3) The comparison of marketing work efficiency revealed that individuals over 45 years old and those with education below a bachelor's degree had the most significantly different opinion levels, with a statistical significance of 0.05 level. Therefore, there should be an increase in technological knowledge and skills for these personnel, leading to acceptance and enabling marketing technology usage to enhance work efficiency.

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อศึกษาปัจจัยคุณลักษณะส่วนบุคคล ปัจจัยสมรรถนะด้านเทคโนโลยี และปัจจัยการยอมรับเทคโนโลยีตลาดที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการทำงานด้านการตลาดของผู้ปฏิบัติงานในธุรกิจที่พักอาศัยแหล่งท่องเที่ยว ในเขต ต.แสมสาร และ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี (2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการทำงานด้านการตลาด และ (3) เพื่อศึกษาการเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานด้านการตลาดโดยใช้เทคโนโลยีตลาดเข้ามาประยุกต์ใช้ในการทำงาน จำแนกตามคุณลักษณะส่วนบุคคลการศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาวิจัย คือ สถานประกอบการและบุคลากรด้านการตลาดของธุรกิจที่พักอาศัยแหล่งท่องเที่ยว ใน ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จำนวน 152 สถานประกอบการ ด้วยการใช้สูตรคำนวณของทาโร ยามาเน่ สุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิแบ่งสัดส่วน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะถดถอยพหุคูณผลการศึกษาพบว่า (1) องค์ประกอบของปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการทำงานด้านการตลาด พบว่าผู้ปฏิบัติงานด้านการตลาดส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ 36-40 ปี มีการศึกษาระดับปริญญาตรี ตำแหน่งงานระดับปฏิบัติการ ประสบการณ์ทำงานมากกว่า 15 ปี มีขนาดกิจการขนาดเล็กและมีรูปแบบเป็นกิจการเจ้าของคนเดียว มีระดับความคิดเห็นปัจจัยสมรรถนะด้านเทคโนโลยี โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 3.93 โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านระดับความถี่ในการใช้งานเทคโนโลยี ด้านความสามารถในการเรียนรู้เทคโนโลยี ด้านผู้ปฏิบัติงาน และด้านความพร้อมในการใช้งานเทคโนโลยี ส่วนปัจจัยด้านการยอมรับเทคโนโลยี โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.22 โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านการรับรู้ถึงประโยชน์ในการใช้งานเทคโนโลยี ด้านทัศนะคติและองค์กรต่อการใช้งานเทคโนโลยี ด้านการรับรู้ความง่ายในการใช้งานเทคโนโลยี และด้านความตั้งใจในการใช้งานเทคโนโลยี (2) ปัจจัยที่ที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการทำงานด้านการตลาดมากที่สุดพบว่า ปัจจัยแรก คือปัจจัยสมรรถนะด้านเทคโนโลยี ในด้านความพร้อมและด้านระดับความถี่ในการใช้งานเทคโนโลยี และปัจจัยที่สอง คือ ปัจจัยการยอมรับเทคโนโลยีตลาด ในด้านประโยชน์และด้านทัศนะคติองค์กร ปัจจัยดังกล่าวมีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการทำงานด้านการตลาด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 สามารถร่วมกันพยากรณ์ความผันแปรของอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการทำงานด้านการตลาดคิดเป็นร้อยละ 37.4 และ 55.0 ตามลำดับ (3) การเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำงานด้านการตลาด พบว่า กลุ่มของบุคคลอายุมากกว่า 45 ปี และกลุ่มบุคคลที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี มีระดับความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากที่สุด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยเหตุนี้ ควรมีการเพิ่มทักษะความรู้ ความสามารถด้านเทคโนโลยี ของบุคคลากรดังกล่าว ก่อให้เกิดการยอมรับแล้วจึงจะสามารถนำเทคโนโลยีตลาดมาใช้ในเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้