Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13553
Title: การจัดการความรู้ในการจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนของหมอดินอาสาในจังหวัดนนทบุรี
Other Titles: Knowledge management of sustainable land management of volunteer soil doctor in Nonthaburi Province
Authors: บำเพ็ญ เขียวหวาน
ภัทร ฤทธิ์พริ้ง
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษา
เบญจมาศ อยู่ประเสริฐ
Keywords: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์--วิทยานิพนธ์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร--วิทยานิพนธ์
Volunteer soil doctor
Sustainable land management
Issue Date: 2566
Publisher: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
Abstract: การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) สภาพส่วนบุคคล สภาพทางสังคมและเศรษฐกิจของหมอดินอาสา 2) ความรู้และแหล่งความรู้ในการจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนของหมอดินอาสา 3) การจัดการความรู้ในการจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนของหมอดินอาสา 4) ปัญหาและข้อเสนอแนะแนวทางการจัดการความรู้ในการจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนของหมอดินอาสา การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ ประชากรที่ศึกษาคือ หมอดินอาสาในจังหวัดนนทบุรี จำนวน 248 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรของทาโร ยามาเน ที่ความคลาดเคลื่อน 0.05 ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 154  คน สุ่มตัวอย่างแบบง่าย เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าสูงสุด ค่าต่ำสุด ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) หมอดินอาสาร้อยละ 70.1 เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ย 56.40 ปี มีการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. ส่วนใหญ่ไม่มีตำแหน่งอื่นๆทางสังคม มีประสบการณ์ในการทำการเกษตรเฉลี่ย 15.19 ปี มีลักษณะการถือครองที่ดินเป็นพื้นที่ของตนเอง และถือครองที่ดินเฉลี่ย 12.12 ไร่ 2) หมอดินอาสาส่วนใหญ่ได้รับความรู้ในการจัดการที่ดินอย่างยั่งยืน ในประเด็นการผลิตพืชให้มีผลผลิตสูง การใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมี การบริหารจัดการพื้นที่ด้วยเกษตรผสมผสาน  การปรับปรุงฟื้นฟูดินด้วยการอนุรักษ์ดินและน้ำ การสร้างเครือข่ายเกษตร กลุ่มเกษตร หมอดินอาสา และการใช้เทคโนโลยีเพื่อบริหารจัดการเชิงรุก โดยแหล่งความรู้ที่ได้รับมากที่สุด คือจากเจ้าหน้าที่รัฐ และหมอดินอาสาระดับตำบล โดยหมอดินอาสามีความรู้ในการจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนที่ได้รับภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด หมอดินอาสาทุกรายมีการนำความรู้ที่เกี่ยวกับการจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนไปใช้ประโยชน์ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยใช้ในประเด็น การใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อลดการใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการเกษตร การบริหารจัดการพื้นที่ด้วยเกษตรผสมผสานและเกษตรทฤษฎีใหม่ การปรับปรุงฟื้นฟูดินด้วยการอนุรักษ์ดินและน้ำการใช้เมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด และการใช้เทคโนโลยีเพื่อบริหารจัดการเชิงรุก 3) หมอดินอาสาทุกรายมีการจัดการความรู้ในการจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนให้เกษตรกรทั่วไปเรียนรู้สามารถเข้าถึงความรู้ได้สะดวก และมีการจัดการความรู้ให้เกษตรกรทั่วไปสามารถเลือกเฉพาะความรู้ที่ตนเองต้องการและได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงความรู้ รวมถึงมีการกลั่นกรองความรู้การจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนจากประสบการณ์ 4) หมอดินอาสามีปัญหาในการจัดการความรู้ในการจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนในระดับมาก ในขั้นการเข้าถึงแหล่งความรู้ ในประเด็นขาดการจัดการความรู้ให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงความรู้ได้สะดวก และไม่สามารถจัดการความรู้ให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงความรู้ โดยมีความคิดเห็น ต่อข้อเสนอแนะแนวทางการจัดการความรู้ในการจัดการที่ดินอย่างยั่งยืน ในประเด็น ควรมีการจัดการความรู้ให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงความรู้ได้สะดวก และสามารถจัดการความรู้ให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงความรู้
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13553
Appears in Collections:Agri-Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
2649000920.pdf7.31 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.