ความเป็นไปได้ในการลงทุนขยายธุรกิจแปรรูปน้ำมะนาวพร้อมดื่มของสหกรณ์ผู้ปลูกมะนาวบ้านแพ้วดำเนินสะดวก จำกัด จังหวัดสมุทรสาคร

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนของธุรกิจแปรรูปน้ามะนาวพร้อมดื่มของสหกรณ์ 2) วิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการลงทุนขยายของธุรกิจแปรรูปน้ามะนาวพร้อมดื่มของสหกรณ์ และ 3) วิเคราะห์ความเสี่ยงในการลงทุนขยายธุรกิจแปรรูปน้ามะนาวพร้อมดื่มของสหกรณ์ผลการวิจัยพบว่า 1) ต้นทุนและผลตอบแทนธุรกิจแปรรูปน้ามะนาวพร้อมดื่มของสหกรณ์ ปี 2559 ยอดขายรวม 2,635,797.45 บาท ต้นทุนขาย 1,403,038.12 บาท ค่าใช้จ่ายเฉพาะธุรกิจ 673,388.96 บาท ค่าใช้จ่ายดาเนินงาน 367,252.76 บาท และกาไรสุทธิ 228,132.39 บาท อัตราต้นทุนขายร้อยละ 53.23 อัตรากาไรต่อต้นทุนร้อยละ 9.48 และอัตรากาไรต่อยอดขายร้อยละ 8.66 2) การขยายการลงทุนของธุรกิจแปรรูปน้ามะนาวพร้อมดื่มของสหกรณ์ ใช้เงินลงทุนรวม 6 ล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี โดยใช้เงินทุนจากการกู้ยืมกองทุนพัฒนาสหกรณ์ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.00 ต่อ ปี ความเป็นไปได้ในแต่ละด้านมีดังนี้ ด้านการตลาด ผู้บริโภคมีกาลังซื้อค่อนข้างสูง เลือกซื้อเพราะมีความสดสะอาด และมีเครื่องหมาย อย. รับรองคุณภาพ ความถี่และแนวโน้มในการซื้อเพิ่มมากขึ้น การตัดสินใจในการซื้อตามปัจจัยส่วนประสมการตลาดโดยรวมอยู่ในระดับมาก ด้านเทคนิคการผลิตและสิ่งแวดล้อม กระบวนการบริหารการผลิตมีการวางแผนและใส่ใจทุกกระบวนการ ตั้งแต่ปัจจัยการผลิตซึ่งควบคุมทั้งปริมาณ ราคา และคุณภาพในการสั่งซื้อ ใส่ใจในคุณภาพของชีวิตในชุมชน รักษาสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด มีการใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ด้านการบริหารจัดการ มีการจัดแบ่งสายงานประสานงานกับทุกฝ่ายและปฎิบัติตามระเบียบที่สหกรณ์กาหนด ด้านการเงิน ระยะเวลาคืนทุน 1 ปี 11 เดือน มูลค่าปัจจุบันสุทธิ 10,519,846.57 บาท ดัชนีกาไร 2.75 และอัตราผลตอบแทนภายในโครงการ ร้อยละ 50.09 3) การวิเคราะห์ความเสี่ยงในการขยายการลงทุน (1) การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของโครงการ กาหนดให้รายได้และต้นทุนวัตถุดิบเปลี่ยนแปลงลดลง คงที่ และเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5 10 15 20 25 และ 30 มีความเป็นไปทุกเงื่อนไข ยกเว้น เมื่อรายได้ลดลงร้อยละ 30 และต้นทุนคงที่ ทาให้มูลค่าปัจจุบันสุทธิเป็นลบ ดัชนีกาไรต่ากว่า 1 และอัตราผลตอบแทนภายในโครงการต่ากว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม (2) การวิเคราะห์สถานการณ์ สถานการณ์ที่เลวร้ายคือ รายได้ลดลง ร้อยละ 20 และต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จะส่งผลให้มูลค่าปัจจุบันสุทธิติดลบ และอัตราผลตอบแทนภายในโครงการต่ากว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม