Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/7179
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorอัจฉรา ชีวะตระถูลกีจ, อาจารย์ที่ปรึกษาth_TH
dc.contributor.authorเกียรติชัย สฤษฎีชัยกุล, 2511--
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาวิทยาการจัดการth_TH
dc.date.accessioned2023-07-04T02:44:21Z-
dc.date.available2023-07-04T02:44:21Z-
dc.date.issued2552-
dc.identifier.urihttps://ir.stou.ac.th/handle/123456789/7179-
dc.description.abstractการวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) คุณลักษณะส่วนบุคคลของนักลงทุนรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (2) ปัจจัยที่นักลงทุนรายย่อยใช้สำหรับการตัดสินใจเลือกลงทุน (3) แนวปฏิบํติในการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย ประชากรและกลุ่มตัวอย่างคือ นักลงทุนรายย่อยที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในเขต กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้วิจัยได้ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือและใช้วิธีการสุ่มพบโดยบังเอิญจากหลายช่องทาง แบ่งเป็นทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิค จำนวน 41 ชุด และจากกลุ่มบุคคลทั่วไปที่มาใช้บริการ ที่บริษัทหลักทรัพย์ 16 แห่ง จำนวน 359 ชุด รวมทั้งหมด 400 ชุด สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า (1) นักลงทุนส่วนใหญ่เป็นชาย มีช่วงอายุอยู่ระหว่าง 30-45ปี มี ระดับการศึกษาปริญญาตรี ประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัทเอกชน มีระดับของรายได้ต่ำกว่า 30,000 - 50,000 บาท มีสถานภาพสมรสแล้ว และมีประสบการณ์เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ ตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป โดยมีแหล่งที่มาของเงินทุนเป็นเงินออมส่วนที่เหลือจากค่าใช้จ่าย และรับรู้ข่าวสาร เกี่ยวกับหลักทรัพย์จากโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ (2) ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกลงทุน มากที่สุดคือ เหตุการณ์ด้านการเมืองในประเทศ ส่วนปัจจัยที่มีผลน้อยที่สุดคือ การปรับโครงสร้าง หนี้หรือการเพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (3) แนวปฏิบํติในการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ พบว่านักลงทุนรายย่อยเลือกลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงินมากที่สุด ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่สนใจลงทุนน้อยที่สุดคือ กลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค โดยมีกลยุทธ์ในการ เลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีการจ่ายเงินปันผล จะขายเมื่อราคาเพิ่มขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง และ ถือครองหลักทรัพย์ในพอร์ตมากกว่า 6 หลักทรัพย์ขึ้นไป ส่วนสาเหตุของการขาดทุนมาจากติดหุ้นที่ราคาสูงโดยไม่ยอมตัดขาดทุน นักลงทุนส่วนมากต้องการทั้งกำไรส่วนต่างและเงินปันผล และจะซื้อ ขายเก็งกำไรระยะสั้นไม่เกิน 3 เดือน และมีมูลค่ารวมในพอร์ตการลงทุนต่ำกว่า 300,000 บาทth_TH
dc.formatapplication/pdfen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)en_US
dc.rights.urihttps://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/-
dc.sourceBorn digitalen_US
dc.subjectตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย--การลงทุนth_TH
dc.subjectการลงทุนth_TH
dc.titleพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยth_TH
dc.title.alternativeThe investment behavior of retail investors in the Stock Exchange of Thailanden_US
dc.typeThesise
dc.degree.nameบริหารธุรกิจมหาบัณฑิตth_TH
dc.degree.levelปริญญาโทth_TH
dc.degree.disciplineสาขาวิชาวิทยาการจัดการth_TH
dc.degree.grantorมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
Appears in Collections:Manage-Independent study

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
fulltext_119868.pdfเอกสารฉบับเต็ม5.9 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons