Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/9139
Title: การใช้เทคนิค PERT เพื่อการตัดสินใจดำเนินโครงการในธุรกิจก่อสร้างกรณีศึกษาโครงการก่อสร้างอาคารเรียนรวม มหาวิทยาลัยชินวัตร
Other Titles: The application of PERT technique for decision making in construction business project the case study of Main Hall Buliding Construction Shinawatea [i.e. Shinawatra] University
Authors: จีราภรณ์ สุธัมมสภา, อาจารย์ที่ปรึกษา
สถิตย์ ฉิมดอนทอง, 2498-
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาวิทยาการจัดการ
Keywords: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาบริหารธุรกิจ --การศึกษาเฉพาะกรณี
มหาวิทยาลัยชินวัตร--อาคารเรียน--การออกแบบและก่อสร้าง
การออกแบบโครงสร้าง
อุตสาหกรรมการก่อสร้าง--การจัดการ
อุตสาหกรรมการก่อสร้าง--การวางแผน
อาคารเรียน--การออกแบบและก่อสร้าง
การศึกษาอิสระ--บริหารธุรกิจ
Issue Date: 2546
Publisher: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
Abstract: ธุรกิจก่อสร้างเป็นธุรกิงที่มักมีการดำเนินงานในรูปโครงการทั้งนี้ เพราะงานก่อสร้าง เป็นการผลิตออกมาในลักษณะของตัวอาคาร เมื่อผลิตเสร็จก็ถือว่างานโครงการก่อสร้างแล้วเสร็ โดยมีสัญญาการก่อสร้างที่ใช้เป็นเครื่องมือควบคุมเวลาการก่อสร้าง ซึ่งจะกำหนดเวลาเริ่มต้น ของการทำงานและเวลาแล้วเสร็จของงาน ส่วนกระบวนการก่อสร้างก็จะมีรูปแบบแตกต่างกันออก ไป ตามศักขภาพของแต่ละบริษัท ในการควบคุมเวลาการก่อสร้าง จึงถือเป็นหัวใจหลักของการทำ โครงการที่จะต้องให้ความสำคัญในการวางแผนและการประเมินความเป็นไปได้ ที่ โครงการจะแล้ว เสร็จตามกำหนดเวลาในสัญญาการก่อสร้าง การทำงานวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงพัฒนาเพื่อประยุกต์ใช้เทคนิค PERT ในการวาง แผนการควบคุมโครงกรก่สร้งอาคารเรียนรวมมหาวิทยาลัยชินวัตร เพื่อจะใช้เป็นแนวทางให้แก่ ผู้สนใจและนำไปประยุกต์ใช้กับโครงการที่จะทำ โคยการนำข้อมูลสถิติที่ จัดเก็บไว้อย่างมีระบบมา ใช้ประ โยชน์ในการวางแผนและช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ ให้เกิดความมั่นใจได้ว่าโครงการจะ แล้วเสร็จทันเวลาตามสัญญาการก่อสร้าง ตลอดจนทดลองเร่งงานเพื่อให้โครงการแล้วเสร็จตาม นโยบายของฝ่ายบริหาร ผลการวิจัยพบว่าระยะเวลาในการดำเนินโครงการเท่ากับ 507 วัน. หากสัญญาจ้าง กำหนดให้แล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกิน 520 วัน จะพบว่าโครงการมีความเป็นไปได้ที่จะเสร็จตาม สัญญาถึง 79.10/ ในทางกลับกันหากผู้ว่าางต้องการให้โครงการเสร็ก่อนกำหนดจาก 507 วัน เป็น 488 วัน ผู้รับผิดชอบโครงการสามารถที่จะใช้หลักการเร่งโครงการมาประยุกต์ใช้ โดยพบว่า หากเร่งโครงการลง 19 วัน จะพบว่าโครงการะมีคำใช้ง่ายเพิ่มขึ้น 61,580 บาท จึงเป็นไปตามหลัก การของการเร่งโครงการทุกประการ
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/9139
Appears in Collections:Manage-Independent study

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
85763.pdf5.83 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons