Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/10663
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorอารยา ประเสริฐชัยth_TH
dc.contributor.authorจิรวรรณ รัตจักร์, 2530-th_TH
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษาth_TH
dc.date.accessioned2023-12-04T07:04:47Z-
dc.date.available2023-12-04T07:04:47Z-
dc.date.issued2562-
dc.identifier.urihttps://ir.stou.ac.th/handle/123456789/10663-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (ส.ม.(บริหารสาธารณสุข))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2562th_TH
dc.description.abstractการวิจัยเชิงสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อม (2) การเข้าถึงบริการสุขภาพ และ (3) ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่มีความสัมพันธ์กับการเข้าถึงบริการสุขภาพของแรงงานข้ามชาติของอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ประชากรที่ศึกษาคือ แรงงานข้ามชาติที่อาศัยอยู่ในเขตอำเภอปากพนัง จํานวน 220 คน กลุ่มตัวอย่าง 140 คน ใช้การสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสัมภาษณ์ มีค่าความเที่ยงเท่ากับ 0.90 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติอนุมาน ได้แก่ การทดสอบไคสแควร์ และ ฟิชเชอร์แอสเซท ผลการวิจัย พบว่า (1) แรงงานข้ามชาติส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ย 27.5 ปี สถานภาพคู่ สัญชาติลาว การศึกษาระดับประถมศึกษา อาชีพเกษตรกรรม รายได้เฉลี่ยระดับมาก ส่วนใหญ่ไม่มีโรคประจำตัว ระยะเวลาที่อยู่ในประเทศไทย 1-5 ปี สถานภาพการจ้างงาน ส่วนใหญ่มีใบอนุญาตทํางาน ทํางาน 5-6 วัน/สัปดาห์ วันละ 5-8 ซม. ภาวะความเสี่ยงในการทํางานไม่เคยป่วยเป็นโรคจากการทํางาน การบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุมักเกิดจากถูกของมีคมบาด หกล้ม การสนับสนุนจากเครือข่ายทางสังคม ไม่มีแกนนําหรือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เมื่อเจ็บป่วยนายจ้างพาไปและสื่อสารด้วยตนเอง แรงงานมีสิทธิบัตรประกันสุขภาพและทราบถึงสิทธิประโยชน์ เมื่อเจ็บป่วยจะรักษาที่การเข้าถึงบริการสุขภาพ อยู่ในระดับปานกลาง และ (3) ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ อายุ สัญชาติ การศึกษา อาชีพ รายได้ และระยะเวลาที่อยู่ในประเทศไทย มีความสัมพันธ์กับการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ช่วงระยะเวลาทํางาน การทํางานต่อสัปดาห์ แกน หรือ อสม. การดูแลหรือตรวจคัดกรองสุขภาพ สิทธิประโยชน์ในบัตรประกันสุขภาพ มีความสัมพันธ์กับการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05)th_TH
dc.formatapplication/pdfen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)en_US
dc.rights.urihttps://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/en_US
dc.sourceBorn digitalen_US
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ--วิทยานิพนธ์th_TH
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกบริหารสาธารณสุข--วิทยานิพนธ์th_TH
dc.subjectแรงงานต่างด้าว--ไทย--นครศรีธรรมราช--บริการทางการแพทย์th_TH
dc.titleการเข้าถึงบริการสุขภาพของแรงงานข้ามชาติ ของอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชth_TH
dc.title.alternativeAccessibility to public health service among migrant workers in Pak Phanang District, Nakhon Si Thammarat Provinceen_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิตth_TH
dc.degree.levelปริญญาโทth_TH
dc.degree.disciplineสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพth_TH
dc.degree.grantorมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.description.abstractalternativeThe objective of this survey research was to study (1) personal factors, social and environmental factors, (2) access to health services, and (3) personal, social and environmental factors related to access to health services of migrant workers in Pak Phanang District Nakhon Si Thammarat Province. The population of this research was 220 migrants living in Pak Phanang District, with a sample group of 140 people by simple random sampling. The instrument used was interview form with the reliability at 0.90. Data were analyzed using descriptive statistics such as percentage, average, standard deviation and inferential statistics including Chi-square and Fisher's Exact. The results of the research revealed that (1) Most of the migrant workers were males with an average age of 27.5 years, had already married, and with a Lao nationality.Most of them had primary education. Majority of the sample had agricultural occupation with average good income . Most of them did not have any diseases. The period of stay in Thailand is approximately 1-5 years. In terms of employment status, most had work permits, working 5-6 days / week, 5-8 hours a day. In terms of work risk, they had never been affected by work injuries or accidents, often due to sharp cuts, falls. In terms of support from social networks, there were no leaders or volunteers. When sick, employers take it and communicate by themselves. Workers had health insurance patents. Those with rights were aware of benefits and when they were sick, they would go to be treated at the hospital according to their rights. (2) Access to health services was moderate and (3) personal factors such as age, nationality, education, occupation, income and duration of stay in Thailand had a significant correlation with the of access to health services (p <0.05) Social and environmental factors such as duration of work, work per week, leaders or volunteers. Regarding health care or health checking, insurance card benefits had a significant correlation with the of access to health services (p <0.05)en_US
dc.contributor.coadvisorช่อทิพย์ บรมธนรัตน์th_TH
Appears in Collections:Health-Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
FULLTEXT.pdfเอกสารฉบับเต็ม5.33 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons