Please use this identifier to cite or link to this item:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/11170
Title: | ดุลยภาพอุปทานอุปสงค์ของข้าวโพดในประเทศไทยเพื่อความมั่นคงทางอาหารและคุณค่าทางโภชนาการ |
Other Titles: | Corn supply and demand equilibrium of Thailand for food security and nutritional value |
Authors: | สุนันท์ สีสังข์ วิชัยพิชญ์ อารยาทรัพย์, 2524- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษา อนุชา ภูริพันธุ์ภิญโญ |
Keywords: | ข้าวโพด--การผลิต ความมั่นคงทางอาหาร--ไทย |
Issue Date: | 2561 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
Abstract: | การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) วิเคราะห์อุปสงค์อุปทานของข้าวโพดหวานและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในฐานะอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อสร้างดุลยภาพและความมั่นคงทางอาหาร และ (2) ศึกษาความรู้ เจตคติ และพฤติกรรมการผู้บริโภคข้าวโพดหวาน การวิจัยครั้งนี้ได้ทำการศึกษาสองรูปแบบตามวัตถุประสงค์ การวิจัยส่วนแรกเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ซึ่งใช้เศรษฐมิติเป็นครื่องมือในการวิจัย โดยใช้ข้อมูลทุติยภูมิแบบอนุกรมเวลารายไตรมาส ตั้งแต่ปี 2545-2560 ได้แก่ ราคาข้าวโพด ปริมาณนำเข้าและส่งออก ราคากากถั่วเหลือง (สินค้าทดแทน) รายได้ของประชาชน และต้นทุนในการผลิต กรวิจัยส่วนที่สอง เป็นการวิจัยแบบสำรวจ เพื่อเปรียบเทียบความรู้ เจตคติ และพฤติกรรมการบริโภคข้าวโพดระหว่างผู้อาศัยในพื้นที่เมืองและชนบท โดยใช้แบบสอบถาม เก็บจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 300 ราย แบบหลายขั้นตอนและแบบเจาะจง ประกอบด้วย ผู้ที่ประกอบอาชีพในกรุงเทพมหานคร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดนครราชสีมา การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติพรรณา การทดสอบไคสแควร์ และการวิเคราะห์ความแปรปรวน ผลการศึกษา พบว่า (1) อุปสงค์ข้าวโพดหวานมีความสัมพันธ์กับราคาข้าวโพดหวานและจำนวนประชากรไทย โดยคาดการณ์ ได้ว่าในปี 2565 จะมีอุปสงค์ข้าวโพดหวานจำนวน 484,361 ตัน อุปสงค์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ต่อราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคากากถั่วเหลือง รายได้ และจำนวนปศุตว์ คาดการณ์ได้ว่าในปี 2565 จะมีอุปสงค์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นเป็น 8,584,537 ตัน (2) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ได้คะแนนความรู้ในระดับปานกลาง เจตคติอยู่ในระดับเห็นด้วยมากที่สุด โคยผู้ที่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมามีค่าเฉลี่ยของเจตคติสูงที่สุด ด้านพฤติกรรมพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ เลือกซื้อข้าวโพดจากตลาดนัดมากที่สุด รับประทานข้าวโพดเพราะมีประโยชน์ต่อสุขภาพละรสชาติ โดยผู้ตอบเบบสอบถาม ร้อยละ 44.67 จะบริโภคข้าวโพดเพิ่มขึ้น หากมีการจำหน่ายที่เพียงพอและสะดวกในการซื้อ นอกจากนี้ จากการศึกษานี้พบว่าควรมีการวิเคราะห์อุปสงค์อุปทานของพืชอาหารชนิตอื่น และควรให้ความรู้แก่เกษตรกรเพื่อให้มีการปลูกข้าวโพดหวานมากขึ้นเพื่อพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค |
Description: | วิทยานิพนธ์ (วท.ม. (การจัดการระบบอาหารเพื่อโภชนาการ))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2561 |
URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/11170 |
Appears in Collections: | Hum-Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
fulltext.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 4.13 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License