Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/11234
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorอภิรดี ศรีโอภาสth_TH
dc.contributor.authorวุฒิชัย มาฆะธรรม, 2521-th_TH
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพth_TH
dc.date.accessioned2024-01-23T04:18:08Z-
dc.date.available2024-01-23T04:18:08Z-
dc.date.issued2564-
dc.identifier.urihttps://ir.stou.ac.th/handle/123456789/11234en_US
dc.description.abstractผลการศึกษาพบว่า 1) ระดับเสียงเฉลี่ยของแผนกควบคุมคุณภาพ แผนกคัดเลือกผลิตภัณฑ์ และแผนกผลิตในโรงงานผลิตขวดแก้วซึ่งอยู่ติดกันเป็นบริเวณเดียวกันอยู่ในช่วง 55.9 -109.3 เดซิเบลเอ 2) แผนผังแสดงระดับเสียง จัดแบ่ง 3 แผนกดังกล่าว ออกเป็น 3 พื้นที่ตามระดับความดังเสียง โดยพื้นที่ที่ 1 คือบริเวณห้องทำงานและห้องประชุม มีระดับเสียงเฉลี่ยอยู่ในช่วง 55.9 - 80.3 เคซิเบลเอ พื้นที่ที่ 2 คือบริเวณส่วนท้ายการผลิต มีระดับเสียงเฉลี่ยอยู่ในช่วง 61.9-90 เดซิเบลเอ คือ และพื้นที่ที่ 3 คือบริเวณผลิตขวดแก้ว มีระดับเสียงเฉลี่ยอยู่ในช่วง 95 -109.3 เคซิเบลเอ 3) การกำหนดอุปกรณ์ปกป้องการได้ยินสำหรับพื้นที่ที่ 1 ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ปกป้องการได้ยิน พื้นที่ที่ 2 กำหนดให้ใช้ที่อุดหูชนิดโฟม และพื้นที่ที่ 3 กำหนดให้ใช้ที่ครอบหู เพื่อลดการสัมผัสเสียงดังของพนักงานให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สำรวจระดับเสียงในโรงงานผลิตขวดแก้ว 2) จัดทำแผนผังแสดงระดับเสียง และ 3) กำหนดอุปกรณ์ปกป้องการได้ยินที่เหมาะสมในการลดการสัมผัสเสียงดังของพนักงานโรงงานผลิตขวดแก้ว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไม่ให้เกินกฎหมายกำหนดการดำเนินการศึกษาโดยกำหนดพื้นที่ตรวจวัดเสียงในแผนกควบคุมคุณภาพ แผนกคัดเลือกผลิตภัณฑ์และแผนกผลิตในโรงงานผลิตขวดแก้วซึ่งอยู่ติดกันเป็นบริเวณเดียวกัน และมีเสียงดัง แบ่งพื้นที่ทั้ง 3 แผนกเป็นตารางขนาด 3x3 เมตร ตรวจวัดเสียงทั้งหมด 418 จุด เก็บซ้ำจำนวน 3 ชุดข้อมูล เลือกชุดข้อมูลที่มีค่าระดับเสียงสูงสุดมาจัดทำแผนผังแสดงระดับเสียงด้วยโปรแกรมเซิร์ฟเฟอร์ ประเมินระดับเสียงที่แสดงในแผนผังแสดงระดับเสียง จากนั้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อกำหนดอุปกรณ์ปกป้องการได้ยินที่เหมาะสมth_TH
dc.formatapplication/pdfen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)th_TH
dc.rights.urihttps://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/en_US
dc.sourceBorn digitalen_US
dc.subjectอนามัยสิ่งแวดล้อมth_TH
dc.subjectเสียงรบกวนทางอุตสาหกรรม--การป้องกันและควบคุมth_TH
dc.subjectการศึกษาอิสระ--การจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรมth_TH
dc.titleการจัดทำแผนผังแสดงระดับเสียงเพื่อกำหนดการใช้อุปกรณ์ปกป้องการได้ยินในโรงงานผลิตขวดแก้ว จังหวัดพระนครศรีอยุธยาth_TH
dc.title.alternativeNoise contour map creation for determining the proper healing protection devices in a glass bottle factory in Phra Nakhon Si Ayutthaya Provinceen_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิตth_TH
dc.degree.levelปริญญาโทth_TH
dc.degree.disciplineสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพth_TH
dc.degree.grantorมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.description.abstractalternativeThe objectives of this study were (1) to survey the noise levels in a glass bottle manufacturing plant in Phra Nakhon Si Ayutthaya province, (2) to create a noise contour map, and (3) to specify appropriate hearing protection devices for employees in the factory to reduce harmful noise exposure as required by law. The study was a survey research and the noise levels were measured in the factory’s quality control, product selection and production departments. The three noisy departments were adjacent to each other and their areas were split into several 9-sq.m. sections with 418 spots for measuring the noise levels 3 times. The data sets with the highest noise levels were selected for creating a noise contour map using Surfer software. Then the noise levels in the map were assessed and analyzed to specify appropriate hearing protection devices. The results have shown that: (1) the average noise levels range from 55.9 to 109.3 dBA in the glass bottle factory’s adjacent quality control, product selection and production departments; (2) the noise contour map illustrates three areas with different noise levels – Area 1 (office and meeting areas) with average noise levels of 55.9–80.3 dBA, Area 2 (last production area) with average noise levels of 61.9–90 dBA, and Area 3 (glass bottle production) with average noise levels of 95–109.3 dBA; and (3) when specifying the appropriate hearing protection devices, for Area 1 where the noise levels are not higher the maximum allowable limit by law, no hearing protection device is needed; and for Areas 2 and 3, the use of foam earplugs and ear muffs is required, respectively, to legally reduce harmful noise exposureen_US
Appears in Collections:Health-Independent study

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
FULLTEXT.pdfเอกสารฉบับเต็ม13.21 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons