Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/11532
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorสราวุธ ปิติยาศักดิ์th_TH
dc.contributor.authorวรปรัชญ์ วงศ์ตระกูล, 2538-th_TH
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์th_TH
dc.date.accessioned2024-02-20T03:22:55Z-
dc.date.available2024-02-20T03:22:55Z-
dc.date.issued2564-
dc.identifier.urihttps://ir.stou.ac.th/handle/123456789/11532en_US
dc.description.abstractการศึกษาค้นคว้าอิสระนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาแนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจการสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่จะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชนในชั้นพนักงานอัยการ (2) เพื่อศึกษากฎหมายและหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจการสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาในชั้นพนักงานอัยการทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ (3) เพื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจการสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาในชั้นพนักงานอัยการในประเทศไทยและในต่างประเทศ (4) เพื่อเสนอแนะแนวทางที่เหมาะสมของการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจการสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาในชั้นพนักงานอัยการให้นำมาใช้กับประเทศไทย การศึกษาค้นคว้าอิสระนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยวิธีการวิจัยเอกสารจากตำรา กฎหมาย ระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้อง วิทยานิพนธ์ สารนิพนธ์ บทความ เอกสารทางวิชาการ และข้อมูลจากเครือข่ายทางอินเตอร์เน็ตทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยนำมาจัดรวบรวมและทำการวิเคราะห์จากข้อมูลที่ได้จากเอกสารเหล่านั้น ผลการศึกษาพบว่า (1) การสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่จะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชนของพนักงานอัยการในประเทศไทยมีขั้นตอนในการใช้ดุลพินิจสั่งไม่ฟ้องโดยการเสนอความเห็นตามลำดับชั้นถึงอัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดแต่เพียงผู้เดียวเป็นผู้มีอำนาจสั่งไม่ฟ้องคดีอาญา ส่งผลให้คดีอาญาเสร็จเด็ดขาด ซึ่งในทางปฏิบัติถือว่าคดีอาญาสิ้นสุดแล้ว โดยกระบวนการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจเกิดขึ้นภายในองค์กรทั้งหมด ไม่มีการตรวจสอบโดยองค์กรภายนอกหรือภาคประชาชน ควรให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบตามแนวคิดเรื่องการมีส่วนร่วมโดยประชาชน (2) โดยใช้ระบบการตรวจสอบของประเทศญี่ปุ่นที่ให้สุ่มเลือกประชาชนทั่วไปจำนวน 11 คน เป็นคณะกรรมการตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่ ณ ศาลชั้นต้นทุกศาล โดยมติของคณะกรรมการอาจมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการได้ (3) แต่จากการศึกษาวิเคราะห์บริบทของสังคมไทยพบว่า ประเทศไทยยังไม่มีความพร้อมเทียบเท่ากับประเทศญี่ปุ่น (4) ผู้ศึกษาจึงขอเสนอแนะให้ประเทศไทยนำระบบคณะกรรมการตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้องคดีของญี่ปุ่นมาปรับใช้ โดยกำหนดคุณสมบัติของผู้จะมาเป็นคณะกรรมการ และลดจำนวนสมาชิกลงเหลือคณะกรรมการชุดเดียวจำนวน 5 คน ซึ่งมติของคณะกรรมการมีผลเป็นเพียงคำแนะนำแก่อัยการสูงสุด เพื่อให้ทบทวนคำสั่งเท่านั้นth_TH
dc.formatapplication/pdfen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)en_US
dc.rightsมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rights.urihttps://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/en_US
dc.sourceBorn digitalen_US
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช--สาขาวิชานิติศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณีth_TH
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช--วิชาเอกกฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรม--การศึกษาเฉพาะกรณีth_TH
dc.subjectกระบวนการยุติธรรมทางอาญาth_TH
dc.subjectการฟ้องคดีอาญาth_TH
dc.subjectการศึกษาอิสระ--กฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรมth_TH
dc.titleการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจการสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่จะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชนในชั้นพนักงานอัยการth_TH
dc.title.alternativeInspection of discretion in order not to prosecute the non-public interest criminal cases at the prosecutor's levelen_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameนิติศาสตร์มหาบัณฑิตth_TH
dc.degree.levelปริญญาโทth_TH
dc.degree.disciplineสาขาวิชานิติศาสตร์th_TH
dc.degree.grantorมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
Appears in Collections:Law-Independent study

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
168993.pdfเอกสารฉบับเต็ม15.85 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons