Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/12772
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorณัฐพร เห็นเจริญเลิศth_TH
dc.contributor.authorกัญญาภัทร สุขแก้วth_TH
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีth_TH
dc.date.accessioned2024-09-16T08:27:38Z-
dc.date.available2024-09-16T08:27:38Z-
dc.date.issued2559-
dc.identifier.urihttps://ir.stou.ac.th/handle/123456789/12772-
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) วิเคราะห์พื้นที่เหมาะสมในการปลูกพืชเสริม รายได้เกษตรกรจังหวัดพังงา ด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ พืชที่นำมาวิเคราะห์ประกอบด้วย มะพร้าว กาแฟ และสับปะรด โดยใช้หลักการจำแนกของ FAO Framework (1983) แบ่งกลุ่มย่อย ตามระดับความเหมาะสมออกเป็น 4 ชั้น (Class) คือ ชั้นความเหมาะสมสูง (S1) ชั้นความเหมาะสม ปานกลาง (S2) ชั้นความเหมาะสมเล็กน้อย (S3) และชั้นไม่มีความเหมาะสม (N) และ (2) วางแผนการ ใช้ประโยชน์ที่ดินในการปลูกพืชเพื่อเสริมรายได้ให้กับเกษตรกรของจังหวัดพังงา ผลการศึกษาพบว่า สับปะรด มีพื้นที่เหมาะสมมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 16.96 หรือ 195,578 ไร่ ของเนื้อที่จังหวัดพังงา ถัดมาเป็นมะพร้าว มีพื้นที่เหมาะสม คิดเป็นร้อยละ 0.51 หรือ 5,898 ไร่ ของเนื้อที่จังหวัดพังงา ส่วนกาแฟ มีพื้นที่เหมาะสม คิดเป็นร้อยละ 0.02 หรือ 265 ไร่ ของเนื้อที่จังหวัดพังงา และสามารถวางแผนการปลูกพืชเสริมรายได้ให้กับเกษตรกร โดยแบ่งชั้น ความเหมาะสมของดินออกเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพและเหมาะสม ( S1 และ S2) ส่งเสริมให้เกษตรกร ปลูกพืชเพื่อเสริมรายได้ในครัวเรือน ส่วนพื้นที่ไม่มีความเหมาะสม (S3 และ N) แนะนำให้ เกษตรกรลดพื้นที่ปลูกยางพารา โดยปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นที่มีความเหมาะสมกับสภาพ พื้นที่และความต้องการของตลาดth_TH
dc.formatapplication/pdfen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)th_TH
dc.rights.urihttps://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/en_US
dc.sourceBorn digitalen_US
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี --การศึกษาเฉพาะกรณีth_TH
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร --การศึกษาเฉพาะกรณีth_TH
dc.subjectระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์th_TH
dc.subjectระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการth_TH
dc.subjectการปลูกพืช--การวางแผนth_TH
dc.subjectการศึกษาอิสระ--เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารth_TH
dc.titleการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ในการวางแผนปลูกพืชเพื่อเสริมรายได้เกษตรกรของจังหวัดพังงาth_TH
dc.title.alternativeApplication of GIS in planning crop to supplement farm income in Phang Nga Provinceen_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตth_TH
dc.degree.levelปริญญาโทth_TH
dc.degree.disciplineสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีth_TH
dc.degree.grantorมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.description.abstractalternativeThe objectives of this study were (1) to analyze areas suitable for growing crops to supplement farmer income of Phang Nga province by using GIS. The plants for analyzed were coconut, coffee and pineapple and analyzed on the basis of the FAO framework (1983). According to FAO framework divided the soil groups appropriate level into fourth class were : highly suitable (S1) , moderately suitable (S2) , marginally suitable (S3) and not suitable (N). (2) Land use planning to grow crops to supplement farmer’s income of Phang Nga Province . The study indicated that pineapple was highly suitable 16.96 percent or 195,578 rai of area in Phang Nga province. Next coconut was suitable 0.51 percent or 5,898 rai of area in Phang Nga province and coffee was suitable 0.02 percent or 265 rai of area in Phang Nga province. And in planning crop to supplement farm income classifying soil suitable into potential and suitable area (S1,S2) encourages famers to grow crops to supplement house income. For not suitable area (S3,N) suggest that famers reduce plant rubber and substitute other crops that are suitable for area and marketen_US
Appears in Collections:Health-Independent study

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
fulltext_153853.pdfเอกสารฉบับเต็ม13.4 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons