กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13117
ชื่อเรื่อง: | แนวทางการพัฒนาการจัดการความปลอดภัยของสถานศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต |
ชื่อเรื่องอื่นๆ: | Guidelines for developing safety management of schools under Phuket Provincial Administrative Organization |
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: | สุทธิวรรณ ตันติรจนาวงศ์ ราตรี ศรีกรด มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ |
คำสำคัญ: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.สาขาวิชาศึกษาศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.แขนงวิชาบริหารการศึกษา--การศึกษาเฉพาะกรณี ความรุนแรงในโรงเรียน--การป้องกัน อุบัติเหตุในโรงเรียน--การป้องกัน |
วันที่เผยแพร่: | 2566 |
สำนักพิมพ์: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
บทคัดย่อ: | งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการจัดการความปลอดภัยของสถานศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต 2) เปรียบเทียบการจัดการความปลอดภัยของสถานศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตจำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา ประสบการณ์ทำงาน และขนาดสถานศึกษา และ 3) ศึกษาแนวทางการพัฒนาการจัดการความปลอดภัยของสถานศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูในสถานศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต จำนวน 144 คน ได้จากการเปิดตารางของเครจซี่และมอร์แกน และสุ่มแบบแบ่งชั้นตามขนาดสถานศึกษา เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับการจัดการความปลอดภัยของสถานศึกษามีค่าความเที่ยงเท่ากับ .97 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าทีการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว การเปรียบเทียบรายคู่ด้วยวิธีการของฟิชเชอร์ และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1) การจัดการความปลอดภัยของสถานศึกษาในภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านเรียงตามลำดับค่าเฉลี่ยสูงสุดไปหาค่าเฉลี่ยต่ำสุด ดังนี้ อาคารสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในโรงเรียนที่ปลอดภัย การบริหารจัดการภัยพิบัติในสถานศึกษา การลดความเสี่ยงและการรู้รับปรับตัวจากภัยพิบัติ (2) การเปรียบเทียบการจัดการความปลอดภัยของสถานศึกษาพบว่า ครูเพศหญิงมีความคิดเห็นต่อการจัดการความปลอดภัยของสถานศึกษาแตกต่างกับครูเพศชาย ครูอายุมากกว่า 50 ปี ขึ้นไปมีความเห็นแตกต่างกับครูอายุ 31-40 ปี และอายุ 41-50 ปีและครูมีประสบการณ์ทำงาน 1-10 ปีมีความคิดเห็นแตกต่างกับครูที่มีประสบการณ์ทำงาน 11-20 ปีและมากกว่า 20 ปี ขึ้นไป สถานศึกษาขนาดเล็กแตกต่างกับขนาดกลางและขนาดใหญ่ทุกด้านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) แนวทางในการพัฒนาการจัดการความปลอดภัยของสถานศึกษา พบว่า สถานศึกษาควรติดตั้งวงจรปิดในพื้นที่เสี่ยงภัยต่อการเกิดเหตุการณ์ การใช้ระบบแจ้งเตือนฉุกเฉินผ่านมือถือหรือเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อการแจ้งเตือนและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว จัดกิจกรรมฝึกซ้อมอพยพในกรณีอุทกภัยหรือเหตุการณ์อาชญากรรม ให้ความรู้และสร้างจิตสำนึกให้กับผู้เรียนเรี่องความปลอดภัยผ่านกิจกรรมหรือการเรียนการสอน และสร้างเครือข่ายการป้องกันความปลอดภัยระหว่างสถานศึกษากับผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง |
รายละเอียด: | การศึกษาเฉพาะกรณี (ศษ.ม. (บริหารการศึกษา))-- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2566 |
URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13117 |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | Edu-Independent study |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|---|
2622300933.pdf | 2.02 MB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น