Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13282
Title: ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมของอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ในจังหวัดพิษณุโลก
Other Titles: Factors related to the improvement of work efficiency to drive the national strategy on creating Opportunities and Social Equality of Social Development and Human Security Volunteers (SDHSV) in Phitsanulok Province
Authors: นพพล อัคฮาด
สุภนิช คุ้มเกตุ
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.สาขาวิชาวิทยาการจัดการ
Keywords: การบริหารจัดการองค์กร แรงจูงใจ อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.สาขาวิชาวิทยาการจัดการ--วิทยานิพนธ์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.แขนงวิชาบริหารรัฐกิจ--วิทยานิพนธ์
Issue Date: 2566
Publisher: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) ระดับปัจจัยการบริหารจัดการองค์การ ระดับปัจจัยแรงจูงใจในการทำงานและระดับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมของอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.)  (2) เปรียบเทียบประสิทธิภาพการปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมของ อพม. กับปัจจัยส่วนบุคคล (3) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมของ อพม.และ  (4) เสนอแนะแนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมของ อพม.การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมวิธี การวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็น อพม. ในจังหวัดพิษณุโลก จำนวน 385 คน  โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล ใช้สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  และใช้สถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 9 คน เลือกแบบเจาะจง ใช้วิธีศึกษาจากการสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้างและวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงเนื้อหาด้วยวิธีการตีความและนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้าด้วยการวิเคราะห์พรรณนา เพื่อสรุปผลและสร้างเป็นแนวทางในการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของ อพม.ผลการวิจัยพบว่า (1) ระดับปัจจัยการบริหารจัดการองค์การ ปัจจัยแรงจูงใจในการทำงาน และระดับประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (2) ผลการเปรียบเทียบประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของ อพม. กับปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า เพศ อายุ สถานภาพ ที่แตกต่างกันจะมีประสิทธิภาพการปฏิบัติงานไม่แตกต่างกัน แต่ระดับการศึกษา อาชีพ ระดับรายได้ ระยะเวลาที่ปฏิบัติงานที่แตกต่างกันจะมีประสิทธิภาพการปฏิบัติงานแตกต่างกัน (3) ปัจจัยการบริการจัดการองค์กรมีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในระดับน้อย แสดงให้เห็นว่า การบริหารจัดการองค์กรจะช่วยให้สามารถประเมินสถานภาพขององค์กรเพื่อให้องค์กรได้สำเร็จบรรลุตามเป้าหมายได้ ส่วนปัจจัยแรงจูงใจมีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพการปฏิบัติงานในระดับปานกลาง แสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติงานของ อพม. มีปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นสิ่งกระตุ้นในการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ และ (4) แนวทางการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน 1) ปัจจัยส่วนบุคคล ควรพิจารณาคัดเลือก อพม. โดยพิจารณาในด้านระดับการศึกษา อาชีพ ระดับรายได้ และระยะเวลาที่ปฏิบัติงาน  2) ปัจจัยการบริหารจัดการองค์กร ควรพัฒนาศักยภาพของ อพม. ในด้านทักษะให้มีความชำนาญ และ 3) ปัจจัยแรงจูงใจ ควรมุ่งเน้นกิจกรรมที่เป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติการปฏิบัติงานของ อพม. และควรมีการมอบหมายงานให้ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ในปริมาณงานที่เหมาะสม
Description: วิทยานิพนธ์ (ร.ม. (บริหารรัฐกิจ))-- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2566
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13282
Appears in Collections:Manage-Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
2633002510.pdf1.88 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.