ผลกระทบจากโครงการผ่อนผันการส่งชำระหนี้ลดหุ้นของสมาชิกต่อการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรพรหมบุรี จำกัด จังหวัดสิงห์บุรี

Abstract

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ผลกระทบจากโครงการผ่อนผันการส่งชำระหนี้ลดหุ้นของสมาชิกต่อสมาชิกสหกรณ์ 2) ผลกระทบจากโครงการผ่อนผันการส่งชำระหนี้ลดหุ้นของสมาชิกต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของสหกรณ์ และ 3) แนวทางการดำเนินโครงการผ่อนผันการส่งชำระหนี้ลดหุ้นของสมาชิกต่อการดำเนินงานของสหกรณ์ การวิจัยเป็นการวิจัยแบบผสมวิธี ประชากรในการศึกษา คือ สมาชิกสหกรณ์การเกษตรพรหมบุรี จำกัด ที่เข้าร่วมโครงการผ่อนผันการส่งชำระหนี้ลดหุ้นของสมาชิก ปี 2566 จำนวน 239 คน กำหนดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้สูตรของทาโร ยามาเน ที่ค่าความคลาดเคลื่อน 0.05 จำนวน 150 คน การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา และการวิเคราะห์ข้อมูลจากรายงานทางการเงินของสหกรณ์ ปี 2562-2566 โดยวิธีย่อส่วนตามแนวดิ่ง แนวโน้ม และการวิเคราะห์ในมุมมอง 6 มิติ ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลกระทบจากโครงการผ่อนผันการส่งชำระหนี้ลดหุ้นของสมาชิกส่งผลต่อสมาชิกสหกรณ์ด้านการดำรงชีวิต (x̄ = 3.59) และด้านการประกอบอาชีพ (x̄ = 3.83) โดยรวมอยู่ในระดับมาก และผลกระทบต่อการชำระหนี้สมาชิกสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย ร้อยละ 96.70 ซึ่งโครงการฯ ช่วยลดปัญหาหนี้ค้างชำระได้ 2) ผลกระทบจากโครงการผ่อนผันการส่งชำระหนี้ลดหุ้นของสมาชิกต่อผลการดำเนินงานของสหกรณ์ ทำให้สหกรณ์มีรายได้จากขายและบริการเพิ่มขึ้นและอัตรากำไรสุทธิเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกำไรธุรกิจสินเชื่อ ส่วนด้านฐานะการเงินของสหกรณ์ สัดส่วนสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนของสหกรณ์เพิ่มมากขึ้น โดยสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนลดลง สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของสหกรณ์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยโดยสหกรณ์มีทุนของสหกรณ์มากกว่าหนี้สิน และการวิเคราะห์ในมุมมอง 6 มิติ ซึ่งประกอบด้วย ความเพียงพอของเงินทุนต่อความเสี่ยง คุณภาพสินทรัพย์ ขีดความสามารถในการบริหาร การทำกำไร สภาพคล่อง และผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงภายนอก โดยเฉลี่ยมีค่าระดับเดียวกับกลุ่มเทียบเคียงซึ่งมีบางอัตราส่วนมีค่าระดับสูงกว่าและต่ำกว่าค่ากลุ่มเทียบเคียงบ้าง และ 3) แนวทางการดำเนินโครงการผ่อนผันการส่งชำระหนี้ลดหุ้นของสมาชิกต่อการดำเนินงานสหกรณ์ ได้แก่ (1) ควรสำรวจความต้องการของสมาชิกในการดำเนินโครงการครั้งต่อไป (2) เพิ่มช่องทางและประสิทธิภาพในการสื่อสารประชาสัมพันธ์โครงการ และ (3) สหกรณ์ต้องมีการบริหารจัดการทรัพยากร คน เงินทุน วัสดุอุปกรณ์ และด้านการจัดการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด