Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/2076
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorเรณุการ์ ทองคำรอด, อาจารย์ที่ปรึกษาth_TH
dc.contributor.advisorสมใจ พุทธาพิทักษ์ผล, อาจารย์ที่ปรึกษา.th_TH
dc.contributor.authorปภาสินี แซ่ติ๋ว, 2518--
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษาth_TH
dc.date.accessioned2022-11-09T04:27:32Z-
dc.date.available2022-11-09T04:27:32Z-
dc.date.issued2555-
dc.identifier.urihttp://ir.stou.ac.th/handle/123456789/2076-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (พย.ม. (การบริหารการพยาบาล))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2555th_TH
dc.description.abstractงานวิจัยเชิงพรรณนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ หาความสัมพันธ์ของพฤติกรรมการเผชิญความเครียด แบบมุ่งเน้นการแก้ปัญหาหัวหน้าหอผู้ป่วยใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ กลุ่มตัวอย่างคือ หัวหน้าหอผู้ป่วย จำนวน 162 คน ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น แจก แบบสอบถามรวมทั้งเก็บรวบรวมกลับคืนทางไปรษณีย์ได้ร้บแบบสอบถามคืน จำนวน 162 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 100 โดยมีกรอบแนวคิดทางทฤษฎีในการวิจัยดังนี้ ความสามารถในการเผชิญปัญหาและฟันฝ่าอุปสรรค ประยุกต์ใช้ทฤษฎีของ StoItz (2000) ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีของ Avolio, Bass and Jung (1999) และพฤติกรรมการเผชิญความเครียดแบบมุ่งเน้นการแก้ปัญหา โดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีของ Cook and Happner (1997) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบสอบถามความสามารถในการเผชิญปัญหาและฟันฝ่าอุปสรรคมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .86 แบบสอบถามภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง เท่ากับ 0.93 และแบบสอบถามพฤติกรรมการเผชิญความเครียดแบบมุ่งเน้นการแก้ปัญหา เท่ากับ 0.84 ความเที่ยงของแบบสอบถามทั้งฉบับ เท่ากับ 0.94 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน,สถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และสถิติ Multiple regression ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมี ความสามารถในการเผชิญปัญหาและฟันฝ่าอุปสรรคอยู่ในระดับสูง (X = 3.81, S.D. = 0.44) มีภาวะผู้นำ การเปลี่ยนแปลงอยู่ในระดับสูง (X = 4.22, S.D. = 0.51) มีพฤติกรรมการเผชิญความเครียดแบบมุ่งเน้น การ แก้ปัญหาอยู่ในระดับสูง (X= 3.76, S.D. = 0.54) (2) ความสามารถในการเผชิญปัญหาและฟันฝ่าอุปสรรคภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมการเผชิญความเครียดแบบมุ่งเน้นการแก้ปัญหาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (3) ความสามารถในการเผชิญปัญหาและฟันฝ่าอุปสรรคและ ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ร่วมกันพยากรณ์พฤติกรรมการเผชิญความเครียดแบบมุ่งเน้นการแก้ปัญหาได้ร้อยละ 65.70 (R2 = 0.657 ) โดยภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีความสามารถในการพยากรณ์พฤติกรรมการเผชิญ ความเครียดแบบมุ่งเน้นการแก้ปัญหาได้ดีที่สุด (Beta = 0.65,t = 10.06 p< 0.05) ส่วนความสามารถในการเผชิญ ปัญหาและฟันฝ่าอุปสรรคสามารถร่วมกันพยากรณ์พฤติกรรมการเผชิญความเครียดแบบมุ่งเน้นการแก้ปัญหา ได้น้อยมากจนไม่มีนัยสำคัญทางสถิติโดยเขียนในรูปสมการคะแนนมาตรฐาน zพฤติกรรมการเผชิญความเคลียดมุ่งเน้นการแก้ปัญหา = 0.65Z*ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง+ 0.07Zความสามารถในการเผชิญปัญหาและฟันฝ่าอุปสรรคth_TH
dc.formatapplication/pdfen_US
dc.language.isootherth_TH
dc.publisherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)en_US
dc.rights.urihttps://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/en_US
dc.sourceBorn digitalen_US
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาการบริหารการพยาบาล -- วิทยานิพนธ์th_TH
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ -- วิทยานิพนธ์th_TH
dc.subjectพยาบาล -- ความเครียดในการทำงานth_TH
dc.subjectภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงth_TH
dc.subjectการแก้ปัญหาth_TH
dc.titleความสัมพันธ์ระหว่างความสามารถในการเผชิญปัญหาและฟันฝ่าอุปสรรคภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง กับพฤติกรรมการเผชิญความเครียดแบบมุ่งเน้นการแก้ปัญหาของหัวหน้าหอผู้ป่วยใน 3 จังหวัดชายแดนใต้th_TH
dc.title.alternativeThe relationship of the adversity quotient transformational leadership with problem-focus coping of head nurse in the three southern provincesth_TH
dc.typeThesisth_TH
dc.identifier.DOI10.14457/STOU.the.2012.399en_US
dc.degree.nameพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิตth_TH
dc.degree.levelปริญญาโทth_TH
dc.degree.disciplineสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์th_TH
dc.degree.grantorมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.description.abstractalternativeThis descriptive study research to determine relationship of Problem-focused coping of Headnurse in the three southern provinces. Sample Head nurses 162 people, selected using random stratified sample. Distributedand collected questionnaires returned by mail. The query returns the number of 162 to 100 percent. The theoretical frameworks used in the research as follows, Stoltz’s theory (Stoltz, 2000), was used in the Adversity Quotient Transformational leadership theory (Avolio, Bass and Jung ,1999) and (Cook and Happner, 1997) were also used Problem-focused coping. The research in struments for data gathering were general questionnaire.The reliability of the Adversity Quotientquestionnaire is .86, the transformational leadership questionnaire is 0.93 and Pmblem-focused copingquestionnaire is 0.84 Moreover, the validity of the questionnaires was 0.94. The percentage, mean, and standard deviation were computed to describe the dispersion of collected data. Pearson's correlation coefficient was used to the strength of linear relationship between the factors. And multivariate regression analysis was used to determine the predictors. The study showed (l)The sample group's Adversity Quotient is in high level (x = 3.81, SD = 0.44) Transformational leadership overall is high (x = 4.22, SD = 0.51) Problem-focused copingis high (x=. 3.76, SD = 0.54) (2) Adversity Quotient Transformational leadership were positively correlated withProblem-focused coping (3) Adversity Quotient and transformational leadership Predict Problem-focused coping65.70 percentage (R; = 0.657) by transformational leadership is the ability to predict Problem-focused coping that best (Beta = 0.65. , t = 10.06 p <0.05), Adversity Quotient prediclProblem-focused coping much less that there was no statistical significance. The standardized equation derived from the analysis was: zProblem-focused coping= 0.65Z* transformational leadership + 0.07Z Adversity Quotienten_US
Appears in Collections:Nurse-Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Thesbib134618.pdfเอกสารฉบับเต็ม16.01 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons