Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/2464
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorรัชฎาพร เลิศโภคานนท์th_TH
dc.contributor.authorปีชัย จีระศักดิ์ประเสริฐ, 2523-th_TH
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์th_TH
dc.date.accessioned2022-12-21T06:08:13Z-
dc.date.available2022-12-21T06:08:13Z-
dc.date.issued2558-
dc.identifier.urihttp://ir.stou.ac.th/handle/123456789/2464en_US
dc.description.abstractการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา 1) พฤติกรรมการออมของข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สังกัดส่วนกลาง กรุงเทพมหานคร และ 2) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออมของข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สังกัดส่วนกลาง กรุงเทพมหานคร การศึกษาในครั้งนี้ใช้ข้อมูลปฐมภูมิที่ได้จากกลุ่มตัวอย่างของข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สังกัดส่วนกลาง กรุงเทพมหานคร โดยศึกษาเฉพาะตำแหน่งระดับปฏิบัติการและชำนาญการ จำนวน 344 คน กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกโดยใช้วิธีสุ่มแบบหลายขั้นตอน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มตำแหน่งระดับปฏิบัติการและกลุ่มตำแหน่งระดับชำนาญการ จำนวนกลุ่มละ 172 คน ในการสุ่มกลุ่มตัวอย่างได้แบ่งตามหน่วยงาน 41 หน่วยงาน โดยแบ่งตามสัดส่วนจำนวนข้าราชการของแต่ละหน่วยงาน และใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งข้อมูลที่ได้นำมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบไคสแควร์ผลการศึกษา พบว่า 1) ข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สังกัดส่วนกลางกรุงเทพมหานคร ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการออมมากถึงร้อยละ 95.35 ส่วนใหญ่กลุ่มตัวอย่างมีจำนวนเงินออมเดือนละ 1,000 – 5,000 บาท รูปแบบการออมมากที่สุดของกลุ่มตัวอย่างเลือกออมโดยฝากเงินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยงานและซื้อทองคำจุดมุ่งหมายในการออมที่สำคัญของกลุ่มตัวอย่างมากที่สุดคือ เพื่อการลดหย่อนภาษี 2) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95 ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา จำนวนสมาชิกในครอบครัว ระดับตำแหน่ง อายุราชการรายได้ต่อเดือน ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการต่อเดือน ค่าใช้จ่ายด้านที่พักหรือที่อยู่อาศัยต่อเดือน ค่าใช้จ่าย เพื่อการศึกษาของตนเองและบุตรต่อเดือน ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ต่อเดือน และภาระในการชำระหนี้สินต่อเดือนส่วนปัจจัย ที่ไม่มีความสัมพันธ์พฤติกรรมการออม ได้แก่ เพศ สถานภาพสมรส ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและยานพาหนะต่อเดือน และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพต่อเดือนth_TH
dc.formatapplication/pdfen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)en_US
dc.rights.urihttps://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/en_US
dc.sourceBorn digitalen_US
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณีth_TH
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกเศรษฐศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณีth_TH
dc.subjectข้าราชการ --การเงินส่วนบุคคลth_TH
dc.subjectการประหยัดและการออม--ไทย--กรุงเทพฯth_TH
dc.subjectการศึกษาอิสระ--เศรษฐศาสตร์th_TH
dc.titleปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออมของข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน : กรณีศึกษาข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินสังกัดส่วนกลาง กรุงเทพมหานครth_TH
dc.title.alternativeFactors related to saving behavior : a case study of government officers of the office of Auditor General of Thailand under Central Administration Bangkoken_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิตth_TH
dc.degree.levelปริญญาโทth_TH
dc.degree.disciplineสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์th_TH
dc.degree.grantorมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.description.abstractalternativeThe purpose of this study is to study 1) saving behavior of government officers of the Office of Auditor General of Thailand 2) factors related to saving behavior of government officers of the Office of Auditor General of Thailand. This study used primary data collected by using questionnaire from government officers at practitioner and professional levels of the Office of Auditor General of Thailand. Samples of 344 were collected by using multi-stage sampling divided into 2 groups: practitioner and professional totaling 172 each. In sampling, the samples were divided into 41 divisions according to the proportion of the number of government officers in each division by using questionnaire. Data collected were analysed by basic statistics such as frequency, percentage, mean, standard deviation and chi-squares test. The study found that 1) the sample group of government officers of the Office of Auditor General of Thailand were the majority of savers at 95.35 percent, the amount of money saved per month was 1,000 – 5,000 baht, the most likely form of saving was saving deposit at credit and savings co-operative and by trading gold. The main goal of saving is to reduce personal income tax 2) factors related to saving behavior at 95 percent significance level of confidence were as follows; age, level of education, number of members in the family, position level, positioning age, monthly income, expense for goods and services per month, expense for habitation per month, expense for self and children education per month, other miscellaneous expenses per month and debt settlement per month. Factors not related to saving behavior were gender, marital status, expense for transport and vehicle per month and cost of health care per month.en_US
Appears in Collections:Econ-Independent study

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
150169.pdfเอกสารฉบับเต็ม1.65 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons