Please use this identifier to cite or link to this item:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/3206
Title: | การสื่อสารสุขภาพเพื่อการป้องกันโรคไข้เลือดออกแก่ประชาชนในจังหวัดสงขลา |
Other Titles: | Health communications to prevent Dengue Fever for residents of Songkhla Province |
Authors: | ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน พรรณภัทร ประทุมศรี, 2529- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษา ไพบูรณ์ คะเชนทรพรรค์ |
Keywords: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิเทศศาสตร์--วิทยานิพนธ์ การสื่อสารทางการแพทย์ ไข้เลือดออก--การป้องกันและควบคุม--ไทย--สงขลา |
Issue Date: | 2562 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
Abstract: | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) การใช้สื่อและสารเพื่อการป้องกันโรคไข้เลือดออกของหน่วยงานด้านสาธารณสุขในเขตจังหวัดสงขลา 2) การเปิดรับสื่อเกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออก 3) ความพึงพอใจต่อรูปแบบการนำเสนอของสื่อเกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออก 4) ผลของการสื่อสารสุขภาพในการป้องกันโรคไข้เลือดออก 5) เปรียบเทียบความแตกต่างของลักษณะทางประชากรกับผลของการสื่อสารสุขภาพในการป้องกันโรคไข้เลือดออก 6) ความสัมพันธ์ระหว่างการเปิดรับสื่อเกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออกและความพึงพอใจต่อรูปแบบการนำเสนอของสื่อกับผลของการสื่อสารสุขภาพในการป้องกันโรคไข้เลือดออก และ 7) ความสัมพันธ์ระหว่างอิทธิพลของผู้นำ ทางความคิดกับผลของการสื่อสารสุขภาพในการป้องกันโรคไข้เลือดออกของประชาชนในจังหวัดสงขลา การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี การวิจัยเชิงคุณภาพผู้ให้ข้อมูลหลัก คือ ผู้ปฏิบัติงานด้านการสื่อสารสุขภาพ ในจังหวัดสงขลาที่มีประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 5 ปี ระดับเขต จังหวัด อำเภอ ตำบล รวม 4 คน ระดับเขตและจังหวัดคัดเลือกแบบเจาะจง ระดับอำเภอและระดับตำบลใช้วิธีการสุ่มโดยการจับฉลาก เครื่องมือวิจัยคือแบบสัมภาษณ์ เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการสร้างข้อสรุป ส่วนการวิจัยเชิงปริมาณ ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่าง 400 คน ที่ได้มาจากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือวิจัยคือแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าสถิติความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า 1) หน่วยงานด้านสาธารณสุขในเขตจังหวัดสงขลาใช้สื่อสิ่งพิมพ์มากที่สุด รองลงมาคือ สื่อมวลชนอื่นๆ สื่อกิจกรรม สื่อออนไลน์และสื่อสังคม หน่วยบริการสาธารณสุข และสื่อบุคคล ตามลำดับ โดยใช้ประเด็นสารมาตรการ 3 เก็บและหลัก 5 ป. ในการสื่อสารเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออก 2) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เปิดรับสื่อเกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออกในระดับปานกลางโดยเปิดรับสื่อโทรทัศน์ระดับสูง 3) กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อการนำเสนอสื่อในระดับปานกลาง โดยพึงพอใจต่อรูปแบบข่าวระดับสูง 4) กลุ่มตัวอย่างมีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออกในระดับปานกลาง มีทัศนคติและพฤติกรรมในการป้องกันโรคไข้เลือดออกในระดับสูง 5) ลักษณะทางประชากรที่แตกต่างกันมีการป้องกันโรคไข้เลือดออกแตกต่างกันดังนี้ (1) ที่อยู่อาศัยและระดับการศึกษาที่แตกต่างกันมีการเปิดรับสื่อเกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออกแตกต่างกัน (2) พื้นที่ที่อยู่อาศัย อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อเดือนที่แตกต่างกันมีความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออกแตกต่างกัน (3) อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ต่อเดือนที่แตกต่างกันมีทัศนคติต่อการป้องกันโรคไข้เลือดออกแตกต่างกัน (4) ที่อยู่อาศัยและระดับการศึกษาแตกต่างกัน มีพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้เลือดออกแตกต่างกัน 6) การเปิดรับสื่อเกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออกและความพึงพอใจต่อรูปแบบการนำเสนอของสื่อเกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออกไม่มีความสัมพันธ์กับความรู้และทัศนคติที่มีต่อการป้องกันโรคไข้เลือดออก แต่มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมกรรมการป้องกันโรคไข้เลือดออก และ 7) อิทธิพลของผู้นำทางความคิดไม่มีความสัมพันธ์กับความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคไข้เลือดออก แต่มีความสัมพันธ์ทางบวกกับทัศนคติและพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้เลือดออก ที่ระดับนัยสำคัญ .05 |
Description: | วิทยานิพนธ์ (นศ.ม. (นิเทศศาสตร์))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2562 |
URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/3206 |
Appears in Collections: | Comm-Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
FULLTEXT.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 25.19 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License