กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/5920
ชื่อเรื่อง: | ผลของหลังคาพลาสติกและสีตาข่ายพรางแสงต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตผักคะน้า |
ชื่อเรื่องอื่นๆ: | Effect of plastic roof and color shaded net on growth and yield of chinese kale |
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: | ปริชาติ ดิษฐกิจ, อาจารย์ที่ปรึกษา จรรยา สิงห์คำ, อาจารย์ที่ปรึกษา นัฐวดี มงกุฎสุวรรณ์, 2534- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษา |
คำสำคัญ: | ผักคะน้า--การผลิต หลังคา |
วันที่เผยแพร่: | 2559 |
สำนักพิมพ์: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
บทคัดย่อ: | งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ผลของหลังคาพลาสติกและสีตาข่ายพรางแสงที่มีต่อการเจริญเติบโตของผักคะน้า และ 2) ผลของหลังคาพลาสติกและสีตาข่ายพรางแสงต่อผลผลิตของผักคะน้า ผลการทดลองพบว่า 1) การเจริญเติบโตของคะน้า คะน้าที่พรางแสงด้วยตาข่ายพรางแสง สีแดงมีความสูงต้นคะน้ามากที่สุดในช่วงอายุ 1-4 สัปดาห์หลังย้ายปลูก โดยแตกต่างกับทรีตเมนต์อื่นอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง (p<0.01) แต่ความสูงของต้นคะน้าอายุ 5 สัปดาห์หลังย้ายปลูกทุกทรีตเมนต์ไม่แตกต่างกันทางสถิติ (p>0.05) คะน้าอายุ 1-2 สัปดาห์หลังย้ายปลูกในสภาพแปลงเปิดมีความกว้างใบ ความยาวใบ พื้นที่ใบ และเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นมากที่สุด และแตกต่างกับทรีตเมนต์อื่นอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง (p<0.01) คะน้าอายุ 3-5 สัปดาห์หลังย้ายปลูกในสภาพไม่พรางแสงมีความกว้างใบ ความยาวใบ พื้นที่ใบ และจำนวนใบมากที่สุด โดยไม่แตกต่างกับการพรางแสงด้วยตาข่ายสีฟ้า แต่แตกต่างกับทรีตเมนต์อื่นอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง (p<0.01) 2) นํ้าหนักสดต้นและรากคะน้าเมื่อเก็บเกี่ยว พบว่าคะน้าที่ปลูกในสภาพแปลงเปิดมีนํ้าหนักสดต้นมากที่สุด โดยไม่แตกต่างกับการพรางแสงด้วยตาข่ายสีฟ้า แต่แตกต่างกับทรีตเมนต์อื่นอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง (p<0.01) คะน้าที่ปลูกในสภาพพรางแสงด้วยตาข่ายสีฟ้าทำให้นํ้าหนักสดรากมากที่สุด โดยไม่แตกต่างกับการปลูกแบบแปลงเปิด การไม่พรางแสง และการพรางแสงด้วยตาข่ายพรางแสงสีแดงและสีเขียว แต่แตกต่างกับ ทรีตเมนต์อื่นอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05) คะน้าที่ปลูกในสภาพพรางแสงด้วยตาข่ายพรางแสงสีแดงมีปริมาณวิตามินซีสะสมในคะน้าสูงที่สุด โดยไม่แตกต่างกับการพรางแสงด้วยตาข่ายพรางแสงสีเขียวและสีฟ้า แต่แตกต่างกับทรีตเมนต์อื่นอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง (p<0.01) |
รายละเอียด: | วิทยานิพนธ์ (กษ.ม. (การจัดการการเกษตร))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2559 |
URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/5920 |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | Agri-Theses |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|---|
153284.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 9.71 MB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการนี้ได้รับอนุญาตภายใต้ Creative Commons License