Please use this identifier to cite or link to this item:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/7587
Title: | การศึกษาการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้าประเภทสารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน |
Other Titles: | Studying excise texes collection for Ozone Deplting Substances : ODSs |
Authors: | วิเชียร เลิศโภคานนท์ นวลอนงค์ คงดำ, 2504- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาวิทยาการจัดการ |
Keywords: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาบริหารธุรกิจ--การศึกษาเฉพาะกรณี การศึกษาอิสระ--บริหารธุรกิจ การจัดเก็บภาษี อากรสรรพสามิต |
Issue Date: | 2550 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
Abstract: | การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาหลักการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต (2) ศึกษาวิธีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้าประเภทสารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน (3) ศึกษาผลกระทบของมาตรการภาษีต่อผู้นำเข้า การศึกษาครั้งนี้เป็นรูปแบบเอกสารทางวิชาการโดยศึกษาและรวบรวมรายละเอียดจากแหล่งความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับหลักการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต และมุ่งเน้นเฉพาะสินค้าประเภทสารทำลายชั้นบรรยากาศโซน ศึกษาผลกระทบของมาตรการภาษี โดยการศึกษาจากข้อมูลสถิติของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ผลจากการศึกษาพบว่า (1) ภาษีสรรพสามิตมีหลักการจัดเก็บภาษีจากสินค้าและบริการที่บริโภคแล้วก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพและศีลธรรมอันดีและเป็นสินค้าที่มีลักษณะฟุ่มเฟือย และรวมถึงสินค้าและบริการที่ได้รับประโยชน์เป็นพิเศษจากกิจการของรัฐ (2) สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนเป็นสินค้าที่บริโภคแล้วเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จึงต้องใช้มาตรการภาษีสรรพสามิตเพื่อจำกัดการบริโภค โดยเสียภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 30 และเนื่องจากสารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนเป็นสินค้าที่ต้องนำเข้าทั้งหมด ฐานภาษีจึงคิดจากราคา C.I.F. รวมด้วยค่าอาการขาเข้าและค่าธรรมเนียมต่างๆ โดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (3) การใช้มาตรการภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าประเภทสารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนทำให้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อผู้นำเข้า ทำให้ต้นทุนสินค้าที่นำเข้ามีราคาสูงขึ้น ปริมาณการบริโภคน้อยลงมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ |
URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/7587 |
Appears in Collections: | Manage-Independent study |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Fulltext_112541.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 4.79 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License