การบริหารภาครัฐแนวใหม่ในงานบริการประชาชนด้านทะเบียนที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัย

Abstract

การศึกษาค้นคว้าอิสระนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาประสิทธิผลในการนำการบริหารภาครัฐแนวใหม่ไปใช้ในงานบริการประชาชนด้านทะเบียนที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัย (2) เปรียบเทียบความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิผลในการนำการบริหารภาครัฐแนวใหม่่ไปใช้ในงานบริการประชาชนด้านทะเบียนที่ดิน ของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัย (3) ศึกษาปัญหาและอุปสรรคการในนำการบริหารภาครัฐแนวใหม่ไปใช้ในงานบริการประชาชน ด้านทะเบียนที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัย (4) ศึกษาแนวทางพัฒนาการนำการ บริหารภาครัฐแนวใหม่ไปใช้ในงานบริการประชาชนด้านทะเบียนที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัย ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ ประชาชนที่มารับบริการงานด้านทะเบียนที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัย ในช่วงวันที่ 15 มีนาคม-15 เมษายน 2554 เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน โดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยโดยวิธี แอลเอสดี ผลการศึกษาพบว่า (1) ประสิทธิผลในการนำการบริหารภาครัฐแนวใหม่ไปใช้ในงานบริการ ประชาชนด้านทะเบียนที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัยอยูในระดับมาก (2) กลุ่มตัวอย่างที่มีเพศ อายุระดับการศึกษาต่างกันมีความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิผลในการนำการบริหารภาครัฐแนวใหม่ไปใช้ในงานบริการประชาชนด้านทะเบียนที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัยต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และกลุ่มตัวอย่างที่มีอาชีพและรายได้ต่างกันมีความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิผลการนำการบริหารภาครัฐ แนวใหม่ไปใช้ในงานบริการประชาชนด้านทะเบียนที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัย ไม่แตกต่างกัน (3) การนำการบริหารภาครัฐแนวใหม่ไปใช้ในงานบริการประชาชนด้านทะเบียนที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัย ประสบกับปัญหาและอุปสรรคในด้านกระบวนงานให้บริการมีขั้นตอนมากเกินไป เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานไม่แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงการให้บริการแก่ผู้มาติดต่อราชการ (4) แนวทางพัฒนาการนำการบริหารภาครัฐแนวใหม่ไปใช้ในงานบริการประชาชนด้านทะเบียนที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัดสุโขทัยได้แก่หน่วยงานควรปรับลดขั้นตอนการปฏิบัติงานและควรนำเทคโนโลยี สารสนเทศมาใช้ในการให้บริการเพิ่มมากขึ้น และหน่วยงานควรฝึกอบรมในด้านจิตสำนึกในการให้บริการและมีมาตรการจูงใจบุคลากรให้มีจิตสำนึกในการให้บริการ