Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/9897
Title: การยอมรับต่อโครงการเกษตรอินทรีย์ของสมาชิกกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในจังหวัดปทุมธานี
Other Titles: An adoption of the organic agricultural project by rice farmer[s]' group member in Pathum Thani Province
Authors: จินดา ขลิบทอง, อาจารย์ที่ปรึกษา
สมจิต โยธะคง, อาจารย์ที่ปรึกษา
สมบูรณ์ เนียมแตง, 2509-
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษา
Keywords: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาส่งเสริมการเกษตร --วิทยานิพนธ์
โครงการเกษตรอินทรีย์
เกษตรอินทรีย์--ไทย--ปทุมธานี
เกษตรอินทรีย์--แง่เศรษฐกิจ
เกษตรอินทรีย์--แง่สังคม
เกษตรกร--ไทย--ปทุมธานี
Issue Date: 2549
Publisher: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
Abstract: การวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่ยศึกษา (1) สภาพทางสังคมและเศรษฐกิจของสมาชิกกลุ่ม เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในจังหวัดปทุมธานี (2) ระดับ การยอมรับต่อโครงการเกษตรอินทรีย์ของสมาชิกกลุ่มมเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวในจังหวัดปทุมธานี (3) ปัญหาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับขั้นตอนในการปฏิบัติและความรู้ความเข้าใจ ด้านต่างๆ ของโครงการเกษตรอินทรีย์ ผลการวิจัยพบว่า เกษตรกรมีอายุเฉลี่ย 45 ปี แรงงานในครัวเรือนเฉลี่ย 2.16 คน พื่นที่ทำการเกษตรเป็นของตนเอง รัอยละ 51.3 ประสบการณ์ในการทำการเกษตรอินทรีย์ ส่วนใหญ่ ท้าการเกษตรอินทรีย์เกี่ยวกับการปลูกข้าว รัอยถะ 70.5 ประเภทของปุ๋ยที่นิยมใชัหลายชนิดรวมกันร้อยละ 46.9 รายได้ภาคการเกษตร ได้แก่ รายได้การทำนาเฉลี่ย 167,200 บาท ท้าสวนเฉลี่ย 11,360.76 บาทและรายได้จาก ทำไร่ 1 ราย รายได้ 250,000 บาท เกษตรกรส่วนใหญ่มีความเห็นว่า การทำการเกษตรอินทรีย์มีประโยชน์ไน ระดับปานกลาง โดยแหล่งเงินทุนในการทำการเกษตรมากกว่าครึ่งหนึ่ง มาจากหลายแหล่งรวมกัน ที่เหลือใช้ทุน ตัวเองและทุนจากการกู้ยืม หรือทุนสนับสมุนการทำการเกษตรอินทรีย์ สมาชิกกลุ่มเกษตรกรส่วนใหญ่ยอมรับ เทคโนโลยีเกษตรอินทรีย์ไปปฏิบัติ ด้านการเลือกพื้นที่เพาะปลูกที่ไม่ใช้สารเคมีในปริมาณมาก ร้อยละ 79.7 ทั้นที่ดีนมีความอุดมสมบูรณ์ ร้อยละ 71.5 ด้านการเตรียมเมล็ดพันธุ์ที่เก็บรักษาโดยไม่ใช้สารเคมี ร้อยละ 96.2 การใข้เมล็ดพันธุ์ที่ได้มาตรฐานการผลิตจากแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ปฏิบัติร้อยละ 34.8 ด้านการจัดการดินการไม่เผา ตอชังฟางข้าวในแปลงนาเกษตรกรนำไปปฏิบัติทั้งหมด และการนำดินไปวิเคราะห์เพื่อหาความเหมาะสม ในการเจริญเติบโต ปฏิบัติร้อยละ 96.2 การใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักและปุ๋ยพืชสดปฏิบัติร้อยละ 93.7 ด้านการป้องกันกำจัดศัตรูพืช การปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อตัดวงจรของแมลง และศัตรูพืชปฏิบัติ ร้อยละ 95.6 การไม่ใช้สารเคมี ในการทำจัดโรคและแมลงร้อยละ 60.8 ยกเว้นไม่ยอมรับการใข้เมล็ดพันธุ์ที่ได้มาตรฐานที่ผลิตจากแปลงผลิตเมล็ด พันธุ์ข้าว ส่วนของปัญหา ได้แก่การขาดความรู้ในการผลิต และการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ไช้เมล็ดพันธุ์ข้าว มีราคาแพง ปัญหาด้านวัตถุดิบที่ใช้ในการทำปุ๋ยอินทรีย์ ด้านขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติตามโครงการฯ ดังนั้นจึงควรกำหนดแนวทางการส่งเสริมการฝึกอบรมให้ความรู้ด้านการผลิต และการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์อย่างถูกวิธี ใน การอบรมเกษตรอินทรีย์ควรชี้ให้เห็นถึงประโยชน์การทำเกษตรอินทรีย์อย่างชัดเจน และควรส่งเสริมให้เกษตรกร มีการทำปุ๋ยอินทรีย์ให้มากขึ้น ควรส่งเสริมการรวมกลุ่มแบบมีส่วนร่วม สร้างองค์กรกลุ่มที่เข้มแข็ง และยั่งยืน
Description: วิทยานิพนธ์ (กษ.ม. (ส่งเสริมการเกษตร))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2549
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/9897
Appears in Collections:Agri-Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
110137.pdfเอกสารฉบับเต็ม3.84 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons