Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13872
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorภวัต เจียมจิณณวัตรth_TH
dc.contributor.authorจิตตินันท์ ชาติทองสุข, 2534-th_TH
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษาth_TH
dc.date.accessioned2025-01-30T02:14:54Z-
dc.date.available2025-01-30T02:14:54Z-
dc.date.issued2563-
dc.identifier.urihttps://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13872en_US
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (กษ.ม. (การจัดการการเกษตร))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2563th_TH
dc.description.abstractการวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ข้อมูลพื้นฐานของเกษตรกรสมาชิกกลุ่มแปลงใหญ่ผึ้ง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน 2) การจัดการการผลิตและการตลาด ของเกษตรกรสมาชิกกลุ่มฯ 3) การดำเนินงานของกลุ่มฯ 4) แนวทางการพัฒนาการจัดการการผลิตและการตลาดของกลุ่มฯ การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยการวิจัยเชิงปริมาณ ศึกษาจากเกษตรกรจากสมาชิกกลุ่มแปลงใหญ่ผึ้ง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน โดยเก็บข้อมูลจากสมาชิกทุกรายจำนวน 30 ราย โดยใช้แบบสอบถาม และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพรวบรวมข้อมูลจากคณะกรรมการกลุ่มแปลงใหญ่ จำนวน 2 ราย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 ราย โดยใช้แบบสัมภาษณ์ และวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา และวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค ผลการวิจัยพบว่า 1) ข้อมูลพื้นฐาน สมาชิกส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุเฉลี่ย 60 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มีประสบการณ์การเลี้ยงผึ้ง เฉลี่ย 15 ปี มีจำนวนรังผึ้งที่เลี้ยง น้อยกว่า 100 รัง 2) การจัดการการผลิตและการตลาด สมาชิกส่วนใหญ่ตั้งรังผึ้งในบริเวณสวนลำไย และมีการเคลื่อนย้ายรังภายในจังหวัดลำพูน เกษตรกรส่วนใหญ่มีการปฏิบัติการเลี้ยงผึ้งตามมาตรฐาน GAP ผลผลิตที่ได้รับจากการเลี้ยงผึ้ง มีน้ำผึ้ง เกสรผึ้ง และไขผึ้ง ช่องทางการจัดจำหน่ายส่วนใหญ่เป็นการขายส่ง 3) การดำเนินงานของกลุ่ม สมาชิกส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการดำเนินงานของกลุ่มในระดับมาก นอกจากนี้การทำงานของคณะกรรมการกลุ่ม มีการแบ่งหน้าที่ตามโครงสร้างของกลุ่ม มีการวางแผนการจัดซื้อปัจจัยการผลิต และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในนามของกลุ่ม 4) แนวทางการพัฒนาการจัดการการผลิตและการตลาดของกลุ่มแปลงใหญ่ผึ้ง ได้แก่ การวางแผนการผลิต พัฒนาสินค้าให้หลากหลาย มีคุณภาพและมาตรฐาน เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้า และมีการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องth_TH
dc.formatapplication/pdfen_US
dc.language.isothth_TH
dc.publisherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)en_US
dc.rights.urihttps://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/en_US
dc.sourceBorn digitalen_US
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์--วิทยานิพนธ์th_TH
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาการจัดการการเกษตร--วิทยานิพนธ์th_TH
dc.subjectผึ้ง--การเลี้ยง--ไทย--ลำพูนth_TH
dc.subjectผึ้ง--การตลาดth_TH
dc.titleการจัดการการผลิตและการตลาดของกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ผึ้ง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูนth_TH
dc.title.alternativeProduction and marketing management of collaborative farms in the beekeepers group in Muang District, Lamphun Provinceth_TH
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameเกษตรศาสตรมหาบัณฑิต (การจัดการทรัพยากรเกษตร)th_TH
dc.degree.levelปริญญาโทth_TH
dc.degree.disciplineสาขาวิชาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์th_TH
dc.degree.grantorมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.description.abstractalternativeThis research aimed to study 1) socio-economic status of members of the collaborative farms of beekeepers group in Muang District, Lamphun Province, 2) production and marketing management of the group’s members, 3) operations of the farmer group, 4) development guidelines for production and marketing management of the farmer group. This study was both quantitative and qualitative research. The quantitative research was a study of all 30 members of the collaborative beekeepers farmer group in Muang District, Lamphun Province using questionnaire as the research instrument. Data were analyzed by using descriptive statistics. For the qualitative research, data were collected from interviews with 2 committee members of the farmer group and 2 relevant government officers. The qualitative data were analyzed by using content analysis and SWOT analysis. The findings showed that 1) most of the members were male, average age 60 years, graduated from high school, and had an average of 15 years of beekeeping experience with less than 100 beehives. 2) For production and marketing management, most of the members set up beehives in longan orchards and moved them within Lamphun Province. Most farmers complied with GAP standard for their farm operations. The products obtained from beekeeping include honey, bee pollen and bee’s wax. Distribution channels were mostly wholesale. 3) For the group’s operations, most of the members were satisfied with the group's performance at a high level. The group operated according to the organization structure, and planned pooled purchasing of inputs and distribution of products on behalf of the group. 4) Development guidelines for production and marketing management of the farmer group included production planning, developing a variety of products with high quality and standard to increase the value of the product and having supports from relevant government agencies.en_US
dc.contributor.coadvisorกฤษณา รุ่งโรจน์วณิชย์th_TH
Appears in Collections:Agri-Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
FULLTEXT.pdfเอกสารฉบับเต็ม11.29 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons