Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/11826
Title: การจัดการความขัดแย้งจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ในพื้นที่ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา
Other Titles: Conflict management from biomass power plant project in Sikio Sub-district, Nakhon Ratchasima Province
Authors: ธนศักดิ์ สายจำปา, อาจารย์ที่ปรึกษา
พงษ์ศักดิ์ บำรุงกิจ, 2527-
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชารัฐศาสตร์
Keywords: การบริหารความขัดแย้ง
โรงไฟฟ้าชีวมวล
การศึกษาอิสระ--การเมืองการปกครองท้องถิ่น
Issue Date: 2563
Publisher: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
Abstract: การศึกษาเรื่อง การจัดการความขัดแย้งจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เป็นการศึกษาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาพัฒนาการของความขัดแย้งที่เกิดจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา (2) ศึกษากลไกในการจัดการความขัดแย้งจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา และ (3) เสนอแนะแนวทางในการจัดการความขัดแย้งที่เหมาะสมต่อปัญหาจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา และใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่อื่น ๆ ผลการศึกษาพบว่า (1) พัฒนาการของความขัดแย้งเริ่มต้นปรากฏให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมภายหลังการชี้แจงโครงการของผู้ดำเนินโครงการและมีการรับฟังความคิดเห็นเพื่อที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้า โดยการรับฟังความคิดเห็นมีประชาชนเห็นด้วยมากกว่ากลุ่มผู้คัดค้าน จึงทำให้มีการออกมาคัดค้านของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยโดยการเดินขบวน การติดป้ายคัดค้าน การยื่นหนังสือถึงหน่วยงานภาครัฐ และการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ด้วยเหตุผลเรื่องการชี้แจงโครงการที่ไม่ครอบคลุมของผู้ดำเนินโครงการ การรับฟังความคิดเห็นที่ไม่ครอบคลุมในทุกกลุ่ม และความกังวลด้านผลกระทบจากปัญหามลพิษ และผลกระทบต่อวิถีชีวิต โดยในปัจจุบัน (2564) ความขัดแย้งยังคงอยู่ (2) กลไกที่ฝ่ายต่าง ๆ พยายามนำมาใช้ในการจัดการความขัดแย้งมีทั้งกลไกทางกฎหมาย กลไกในการเคลื่อนไหวแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ และการยื่นหนังสือร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ (3) ข้อเสนอแนะที่ได้จากการวิจัยสำหรับกรณีศึกษานี้พบว่าการพูดคุยทำความเข้าใจและหาข้อตกลงจากทุกฝ่ายน่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากจะเป็นการเปิดให้มีการเข้ามามีส่วนร่วมของทุกฝ่าย เพื่อนำเสนอความต้องการและเป็นการหาข้อยุติในข้อขัดแย้งต่าง ๆ ขณะที่ข้อเสนอที่สามารถนำไปใช้กับกรณีอื่น ๆ นอกจา
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/11826
Appears in Collections:Pol-Independent study

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
FULLTEXT.pdfเอกสารฉบับเต็ม18.97 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons