Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/12023
Title: การเปิดรับ การรับรู้ และทัศนคติ ที่มีต่อการโฆษณาก๊าซธรรมชาติ (NGV) ของประชาชนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่
Other Titles: Media exposure, perception and attitude of people in the Chiang Mai Municipality Area towaed the Natural Gas for Vehicles (NGV) advertisment
Authors: ไพบูรณ์ คะเชนทรพรรค์
พรณรงค์ พงษ์กลาง, 2517-
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิเทศศาสตร์
Keywords: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชานิเทศศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิเทศศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี
โฆษณา--ก๊าซธรรมชาติ
การสำรวจทัศนคติ
การศึกษาอิสระ--นิเทศศาสตร์
การรับรู้
Issue Date: 2551
Publisher: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
Abstract: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) การเปิดรับ (2) การรับรู้ (3) ทัศนคติ (4) ความสัมพันธ์ของการเปิดรับกับการรับรู้ และ(5) ความสัมพันธ์ของการเปิดรับ กับทัศนคติที่มีต่อการโฆษณาก๊าซธรรมชาติ ของประชาชนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ประชาชนในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ จำนวน 400 ราย โดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าไคสแควร์ ผลการวิจัยพบว่า (1) กลุ่มตัวอย่างเปิดรับข่าวสารเกี่ยวกับการโฆษณาก๊าซธรรมชาติ ผ่านช่องทางโทรทัศน์มากที่สุด โดยเฉลี่ย 4-6 ครั้งต่อสัปดาห์ (2) กลุ่มตัวอย่างรับรู้ว่าก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด (3) กลุ่มตัวอย่างมีทัศนคติต่อการโฆษณาก๊าซธรรมชาติในระดับมาก (4) การเปิดรับสื่อมีความสัมพันธ์กับการรับรู้อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 และ (5) การเปิดรับสื่อมีความสัมพันธ์กับทัศนคติที่มีต่อการโฆษณาก๊าซธรรมชาติ อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 โดยที่ช่องทางการเปิดรับข่าวสารจากโทรทัศน์จะมีผลต่อทัศนคติมากที่สุด รองลงมาคือ ป้ายโฆษณา และหนังสือพิมพ์ตามลำดับ
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/12023
Appears in Collections:Comm-Independent study

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
128443.pdfเอกสารฉบับเต็ม2.74 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons