Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/12085
Title: ปัจจัยที่ส่งผลต่อการออมและการลงทุนของพนักงานมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
Other Titles: Factors affecting saving and investment preference of employees of Valaya Alongkorn Rajabhat University
Authors: อภิญญา วนเศรษฐ
วิลาสินี ชูหวาน, 2531-
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์
Keywords: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกเศรษฐศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์--พนักงาน--การเงินส่วนบุคคล
การศึกษาอิสระ--เศรษฐศาสตร์
Issue Date: 2563
Publisher: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
Abstract: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาพฤติกรรมการออมและการลงทุนของพนักงานมหาวิทยาลัย 2) ศึกษาถึงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการออมและการลงทุนของพนักงานมหาวิทยาลัย สำหรับประชากรในการศึกษา คือ พนักงานมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ คำนวณขนาดกลุ่มของตัวอย่างด้วยวิธีของ Taro Yamane ได้จำนวน 281 ตัวอย่าง เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย วิเคราะห์ข้อมูลโดยการทดสอบสหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยแบบพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า 1) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 31-35 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาโท ส่วนมากมีรายได้หลักมาจากงานประจำ รายได้รวมต่อเดือนเฉลี่ย 30,000 - 50,000 บาท มีภาระหนี้สินส่วนบุคคลระยะยาว ช่องทางการออมส่วนใหญ่คือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ วัตถุประสงค์หลักของการออม คือสำรองไว้ในใช้ในยามฉุกเฉิน และช่องทางการลงทุนส่วนใหญ่คือ หุ้นสามัญ วัตถุประสงค์หลักในการลงทุนคือ สร้างความมั่งคั่ง มีความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินจากการลงทุนที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น มีจำนวนเงินออมและจำนวนเงินลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉลี่ย 3,000 บาทต่อเดือนเพราะมีการคาดการณ์ไว้แล้วว่าอาจจะต้องอยู่ตัวคนเดียวหลังจากเข้าสู่วัยเกษียณพฤติกรรมการออมและการลงทุนนั้นมีเพียงส่วนน้อยที่กล้ายืนยันความคิดของตนเอง เพราะยังขาดความรู้และขาดประสบการณ์ในการออมและการลงทุน ส่วนใหญ่เกิดการตัดสินใจจากการสอบถามบุคคลอื่นที่มีประสบการณ์ 2) ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการออมและการลงทุน คือ เพศและรายได้รวมต่อเดือน ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 โดยพบว่า เพศชายมีการออมมากกว่าเพศหญิง 2,056 บาทต่อเดือน และมีการลงทุนมากกว่าเพศหญิง 872 บาทต่อเดือน รายได้รวมต่อเดือนของพนักงานเพิ่มขึ้น 1 บาท ส่งผลให้มีการออมเพิ่มขึ้น 0.077 บาท และการลงทุนเพิ่มขึ้น 0.063 บาท
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/12085
Appears in Collections:Econ-Independent study

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
FULLTEXT.pdfเอกสารฉบับเต็ม8.28 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons