การประเมินคุณภาพการบริการของคลังน้ำมันสระบุรี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

Abstract

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) ข้อมูลทั่วไปของลูกค้าองค์การของคลังน้ำมัน สระบุรี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (2) ความคิดเห็นเกี่ยวกับระดับคุณภาพการบริการของคลังน้ำมัน สระบุรี บริษัท ปตท. จ ากด (มหาชน) (3) ความคิดเห็นเกี่ยวกับระดับความสำคัญของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดของคลังน้ำมันสระบุรี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ (4) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดกับระดับคุณภาพการบริการของคลังน้ำมันสระบุรี บริษัท ปตท. จ ากด (มหาชน) การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ ประชากรคือ ลูกค้าองค์การผู้ใช้บริการซื้อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกับคลังน้ำมันสระบุรี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จำนวน 498 ราย ขนาดกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ใน การศึกษาได้จำนวน 230 ราย คำนวณโดยสูตรทาโร่ยามาเน่ และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ เครื่องมือ ที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การทดสอบความสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการศึกษาพบว่า (1) ลูกค้าองค์การของคลังน้ำมันสระบุรี บริษัท ปตท. จำกด (มหาชน) ส่วนใหญ่ เป็นสถานีบริการน้ำมันมีทุนจดทะเบียนอยู่ระหว่าง 40,000,001–60,000,000 บาท ระยะเวลาที่ใช้บริการที่คลังน้ำมันสระบุรีมากกว่า 16 ปี ปริมาณการซื้อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอยู่ที่ประมาณ 300,000 ลิตรต่อเดือน ความถี่ของการใช้บริการที่คลังน้ำมันสระบุรีประมาณ 20 ครั้งต่อเดือน (2) ความคิดเห็นเกี่ยวกับระดับคุณภาพ การบริการของคลังน้ำมันสระบุรี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยรวมอยู่ที่ระดับมาก และพิจารณาแต่ละมิติ พบว่า มิติด้านรูปแบบการบริการ มิติการบริการที่ให้ความมั่นใจ และมิติการเอาใจใส่ลูกค้า มีคุณภาพอยู่ในระดับมาก ตามลำดับ (3) ความคิดเห็นเกี่ยวกับระดับความสำคัญของปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดของ คลังน้ำมันสระบุรี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาแต่ละ ปัจจัยของส่วนประสมทางการตลาด พบว่า ปัจจัยที่ลูกค้าให้ความสำคัญในระดับมากที่สุด คือ ราคา และ รองลงมาคือ ผลิตภัณฑ์ การจัดจำหน่าย และการส่งเสริมการตลาด ตามลำดับ และ (4) ผลการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดกบคุณภาพการบริการโดยรวมของคลังน้ำมันสระบุรี บริษัท ปตท. จำกด (มหาชน) พบว่าไม่ความสัมพันธ์กัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05