Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/12210
Title: การไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทคดีแพ่งในชั้นพนักงานอัยการ
Other Titles: Mediation by public prosecutors for the civil cases
Authors: ธวัชชัย สุวรรณพานิช
ธีรเดช มีสวยพงศ์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์
Keywords: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์ --การศึกษาเฉพาะกรณี
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกกฎหมายธุรกิจ --การศึกษาเฉพาะกรณี
การไกล่เกลี่ย
การระงับข้อพิพาท
คดีแพ่ง
การศึกษาอิสระ--นิติศาสตร์
Issue Date: 2555
Publisher: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
Abstract: การศึกษาค้นคว้าอิสระเรื่องการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทคดีแพ่งในชั้นพนักงานอัยการ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเกี่ยวกับหลักการของ กระบวนการยุติธรรมทางเลือกที่สามารถนำมาใช้ในการไกล่ เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทคดีแพ่งในชั้นพนักงานอัยการโดยได้ศึกษาเปรียบเทียบการนำกระบวนการ ยุติธรรมทางเลือกมาใช้ในการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทคดีแพ่งของศาลยุติธรรมเปรียบเทียบกับ ของสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อวิเคราะห์ให้เห็นปัญหาเกี่ยวกับการนำกระบวนการยุติธรรมทางเลือกมาใช้ ในการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทคดีแพ่งในชั้นพนักงานอัยการและเพื่อหาแนวทางแก้ไขกฎหมายที่ เกี่ยวข้องและวางหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมเกี่ยวกับการนำกระบวนการยุติธรรมทางเลือกมาใช้ในการไกล่ เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทคดีแพ่งในชั้นพนักงานอัยการ การศึกษาค้นคว้าอิสระนี้ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ(Qualitative Research) โดยการวิจัยทาง เอกสาร(Documentary Research)จากการค้นคว้ารวบรวมจากเอกสารกฎหมาย ทั้งจากประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ พระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 รวมทั้งกฎหมายต่างๆ ของ ประเทศไทยและของต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง บทความ และตำราทางกฎหมายทั้งของประเทศไทยและ ต่างประเทศ ตลอดจนข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบว่า กระบวนการยุติธรรมทางเลือกเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งมิใช่ กระบวนการที่จะใช้ทดแทนกระบวนการยุติธรรมหลัก จึงเป็นวิถีทางที่สร้างประโยชน์ให้กับระบบ ยุติธรรมทั้งทางแพ่งและทางอาญาได้ กระบวนการยุติธรรมทางเลือกนี้นอกจากจะเป็นการระงับข้อพิพาท ที่มีอยู่ ยังสร้างความสามัคคีและความปรองดองให้กลับคืนมาสู่คู่กรณีทั้งผู้เสียหายและผู้กระทำความผิด ตลอดจนคู่พิพาททางแพ่งให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ในทางแพ่งนั้นซึ่งหากสามารถไกล่เกลี่ยและประนอม ข้อพิพาทกันได้ จะทำให้ข้อพิพาทยุติลง ไม่ต้องนำคดีดังกล่าวเพื่อฟ้องร้องคดีต่อศาลยุติธรรม ซึ่งถือได้ว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและน่าจะเป็นผลดีมากกว่าที่จะต้องมีการยื่นฟ้องคดีต่อศาลซึ่งไม่แน่ว่าจะถึง ที่สุดเมื่อใด เป็นการลดภาระและค่าใช้จ่ายของกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นใน การนำไปสู่จุดมุ่งหมายที่จะอำนวยความยุติธรรมให้บังเกิดกับประชาชน ทั้งยังช่วยบรรเทาให้ปริมาณคดี ให้ลดน้อยลง เนื่องจากหากมีคดีค้างพิจารณาจำนวนมากจะก่อให้เกิดความเสียหายกับคู่ความ และเกิดผล เสียหายต่อเศรษฐกิจของชาติโดยรวม
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/12210
Appears in Collections:Law-Independent study

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
134096.pdfเอกสารฉบับเต็ม31.25 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons