Please use this identifier to cite or link to this item:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/12767
Title: | ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัยทางการบริหารกับประสิทธิภาพงานบริหารเวชภัณฑ์ของหน่วยบริการปฐมภูมิในเขตอำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง |
Other Titles: | Relationship between personal and administrative factors and Pharmaceutical management effectiveness of Primary Care Units in Pakpayoon District, Phatthalung Province |
Authors: | พาณี สีตกะลิน สมร บุญวิสูตร มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ |
Keywords: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ--การศึกษาเฉพาะกรณี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกบริหารโรงพยาบาล--การศึกษาเฉพาะกรณี เวชภัณฑ์--การบริหาร การศึกษาอิสระ--บริหารโรงพยาบาล |
Issue Date: | 2558 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
Abstract: | การศึกษาครั้งนี้เป็นวิจัยเชิงสำรวจเพื่อศึกษา 1) ระดับปัจจัยส่วนบุคคล 2) ระดับปัจจัยทางการบริหาร 3) ระดับประสิทธิภาพงาน 4) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับประสิทธิภาพงานบริหารเวชภัณฑ์ และ 5) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางการบริหารกับประสิทธิภาพงานบริหารเวชภัณฑ์ของหน่วยบริการปฐมภูมิในเขตอำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ประชากรที่ใช้ศึกษาคือ เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานในหน่วยบริการปฐมภูมิในเขตอำเภอปากพะยูน ทั้งหมด จำนวน 76 คน เครื่องมือคือแบบสอบถาม ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 ปัจจัยส่วนบุคคล ส่วนที่ 2 ปัจจัยทางการบริหารและส่วนที่ 3 ประสิทธิภาพงานบริหารเวชภัณฑ์ มีค่าความตรง 0.85 และค่าความเที่ยง 0.89 สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลคือความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการศึกษาพบว่า 1) ประชากรส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 71.05 อายุเฉลี่ย 38.40 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรีคิดเป็นร้อยละ 56.58 ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขร้อยละ 43.42 อายุราชการระหว่าง 1-10 ปี ร้อยละ 36.84 เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าด้านอายุราชการอยู่ในระดับสูงสุด ค่าเฉลี่ย 3.37 2) ระดับปัจจัยทางการบริหารอยู่ในระดับสูงค่าเฉลี่ย 3.30 เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านพัฒนาบุคลากรมีค่าเฉลี่ยสูงสุดค่าเฉลี่ย 3.57 3) ระดับประสิทธิภาพงานบริหารเวชภัณฑ์อยู่ในระดับสูง เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านประสิทธิภาพการเบิกจ่ายเวชภัณฑ์อยู่ในระดับสูงสุด ค่าเฉลี่ย 3.08 4) ระดับปัจจัยส่วนบุคคลต่อประสิทธิภาพงานบริหารเวชภัณฑ์อยู่ในระดับสูง ค่าเฉลี่ย 3.27 ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับประสิทธิภาพงานบริหารเวชภัณฑ์มีความสัมพันธ์ระดับสูงทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<0.001) และ 5) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางการบริหารกับประสิทธิภาพงานบริหารเวชภัณฑ์มีความสัมพันธ์ระดับสูงทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value <0.001) ผลสำเร็จของการศึกษาครั้งนี้ สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจในการบริหารทรัพยากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานบริหารเวชภัณฑ์ของหน่วยปฐมภูมิให้เป็นไปตามมาตรฐานและสอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ |
URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/12767 |
Appears in Collections: | Health-Independent study |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
fulltext_150595.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 9.19 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License