กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13259
ชื่อเรื่อง: การพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษานอกระบบเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับแรงงานไทยในโรงงานอุตสาหกรรม
ชื่อเรื่องอื่นๆ: Development of a Non-Formal Education Organizing Model to Promote Lifelong Learning Skills for Thai Workers in Industrial Factories
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: ชนกนารถ บุญวัฒนะกุล
นัทธพงศ์ ชุ่มมงคล
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.สาขาวิชาศึกษาศาสตร์
สุวิธิดา จรุงเกียรติกุล
สุมาลี สังข์ศรี
คำสำคัญ: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.สาขาวิชาศึกษาศาสตร์--วิทยานิพนธ์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.วิชาเอกการศึกษานอกระบบ--วิทยานิพนธ์
การศึกษานอกระบบโรงเรียน
การเรียนรู้ของผู้ใหญ่
วันที่เผยแพร่: 2566
สำนักพิมพ์: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพ ปัญหาในการจัดการศึกษานอกระบบ ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต และความต้องการรูปแบบการจัดการศึกษานอกระบบเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับแรงงานไทยในโรงงานอุตสาหกรรม 2) พัฒนารูปแบบการจัดการศึกษานอกระบบเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับแรงงานไทยในโรงงานอุตสาหกรรม และ 3) ทดลองใช้และประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการศึกษานอกระบบเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับแรงงานไทยในโรงงานอุตสาหกรรมรูปแบบการวิจัยเป็นแบบผสมวิธี แบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพ ปัญหา และความต้องการ กลุ่มตัวอย่าง คือ 1) เจ้าของสถานประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมประเภทการผลิตหรือผู้แทน โดยการเลือกแบบเจาะจง 14 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสัมภาษณ์แบบเจาะลึก  2) พนักงานระดับบริหาร/หัวหน้างาน โดยการเลือกแบบเจาะจง 28 คน และพนักงานระดับปฏิบัติการ/ผู้ใช้แรงงานไทย โดยการสุ่มอย่างง่าย 314 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพ ปัญหาการจัดการศึกษานอกระบบ ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต และความต้องการรูปแบบ ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบโดยสนทนากลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ และเจ้าของสถานประกอบกิจการ จำนวน 8 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบตรวจสอบ และแบบยืนยันร่างรูปแบบ และระยะที่ 3 ทดลองใช้และประเมินผลการใช้รูปแบบกับพนักงานระดับปฏิบัติการ จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ก่อนเรียนและหลังเรียน เนื้อหาเกี่ยวกับความรู้เบื้องต้นคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ แบบประเมินผลทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต และแบบประเมินผลความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที และการวิเคราะห์เนื้อหาผลการวิจัย พบว่า 1) สภาพการจัดการศึกษานอกระบบ ส่วนใหญ่เป็นการฝึกอบรมให้ความรู้ด้านความปลอดภัยในการทำงาน หลักการปฏิบัติงานตามกฎระเบียบภายในสถานที่ทำงานเป็นหลัก ปัญหาที่พบ มีข้อจำกัดด้านนโยบายสนับสนุน งบประมาณ สถานที่ อุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวก ระบบการทำงานแบบหมุนเวียนกะทำงานไม่ตรงกัน และบุคลากรยังไม่มีความพร้อม ขาดความเข้าใจในการจัดการศึกษานอกระบบ ส่วนทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต ส่วนใหญ่มีทักษะเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันในกระบวนการผลิต และโรงงานอุตสาหกรรมบางแห่งที่มีผู้บริหารเป็นชาวต่างชาติจัดให้มีการฝึกอบรมทักษะในด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 ปัญหาที่พบ คือ โรงงานอุตสาหกรรมบางแห่งมีอัตราความถี่ในการลาออกและสมัครเข้างานใหม่ค่อนข้างสูง อัตราส่วนพนักงานส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวมีจำนวนมากกว่าแรงงานไทยในกระบวนการผลิต ส่งผลให้ทักษะการเรียนรู้เกิดความไม่ต่อเนื่องในระยะยาว สำหรับความต้องการรูปแบบการจัดการศึกษานอกระบบเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับแรงงานไทยในโรงงานอุตสาหกรรม พบว่า มีความต้องการอยู่ในระดับมาก 2) รูปแบบการจัดการศึกษานอกระบบเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับแรงงานไทยในโรงงานอุตสาหกรรม มี 9 องค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ หลักสูตรและเนื้อหา วิธีการจัดการศึกษา สื่อ การจัดสภาพแวดล้อม ผู้เรียน ผู้สอนหรือวิทยากร และการวัดและประเมินผล และ 3) หลังการทดลองใช้และประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการศึกษานอกระบบเพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับแรงงานไทยในโรงงานอุตสาหกรรม พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของผู้เรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้เรียน คือ ทักษะภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 อยู่ในระดับมากที่สุด และความพึงพอใจของผู้เรียนต่อการใช้รูปแบบ อยู่ในระดับมากที่สุด
รายละเอียด: ดุษฎีนิพนธ์ ((ปร.ด. (การศึกษานอกระบบ))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2566
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13259
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:Edu-Theses

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
4562000184.pdf3 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น