กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13491
ชื่อเรื่อง: การจัดการงานนอกสั่งทางปกครอง : แนวทางการปรับใช้หลักกฎหมาย ว่าด้วยจัดการงานนอกสั่งในศาลปกครองไทย
ชื่อเรื่องอื่นๆ: Management of affairs without mandate in administrative aspect : application in The Administrative Court of Thailand
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: สุพัตรา แผนวิชิต
ธัญรดี ชงบางจาก
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์
คำสำคัญ: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกกฎหมายมหาชน--การศึกษาเฉพาะกรณี
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์--จัดการงานนอกสั่ง
การศึกษาอิสระ--กฎหมายมหาชน
วันที่เผยแพร่: 2566
สำนักพิมพ์: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
บทคัดย่อ: การศึกษาค้นคว้าอิสระนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาทฤษฎี และหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการงานนอกสั่ง  (2) ศึกษาเปรียบเทียบการปรับใช้หลักกฎหมายจัดการงานนอกสั่งในระบบกฎหมายปกครองของประเทศไทย สาธารณรัฐฝรั่งเศส  และสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (3) วิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับการปรับใช้หลักจัดการงานนอกสั่งในศาลปกครองไทย และ (4) เสนอแนะแนวทางการใช้และการตีความกฎหมายเกี่ยวกับคดีพิพาทในเรื่องการจัดการงานนอกสั่งทางปกครองของไทยการศึกษาค้นคว้าอิสระนี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้วิธีวิจัยทางเอกสาร ศึกษาค้นคว้าจากคำพิพากษา ศาลปกครองสูงสุด ตำราทางวิชาการ วิทยานิพนธ์ งานวิจัย กฎหมายของสาธารณรัฐฝรั่งเศส และสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยการศึกษาเปรียบเทียบแนวทางการปรับใช้หลักกฎหมายจัดการงานนอกสั่งในทางปกครองของประเทศไทย สาธารณรัฐฝรั่งเศส และสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อเสนอแนะแนวทางการใช้และการตีความกฎหมายในเรื่องการจัดการงานนอกสั่งทางปกครองของไทยผลการศึกษาพบว่า (1) หลักกฎหมายจัดการงานนอกสั่งเป็นกรณีที่ผู้จัดการเข้าทำกิจการของตัวการโดยไม่ได้รับมอบหมาย  หากการจัดการงานนอกสั่งนั้นสมประโยชน์และสมประสงค์ของตัวการ ตัวการมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายในการจัดการงานนั้นให้แก่ผู้จัดการ  แต่การนำหลักจัดการงานนอกสั่งที่เป็นหลักกฎหมายแพ่งมาใช้ในทางปกครองนั้น ต้องอนุโลมใช้เท่าที่ไม่ขัดต่อหลักกฎหมายปกครอง โดยอาจต้องคำนึงถึงหลักการจัดทำบริการสาธารณะและหลักไม่มีกฎหมายไม่มีอำนาจ (2) สาธารณรัฐฝรั่งเศสปฏิเสธไม่ให้นำหลักจัดการงานนอกสั่ง มาใช้ในทางปกครองเนื่องจากเห็นว่าไม่สอดคล้องกับหลักการจัดทำบริการสาธารณะที่ต้องดำเนินการโดยรัฐ ส่วนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนียอมรับว่าเอกชนอาจเข้าจัดการงานนอกสั่งในทางปกครองได้เนื่องจากเป็นความชอบธรรมในการช่วยเหลือตนเอง แต่ต้องเข้าเงื่อนไขบางประการจึงจะก่อให้เกิดสิทธิในการเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการจัดการงานจากรัฐ สำหรับประเทศไทยปรากฏกรณีที่ศาลปกครองได้ปรับใช้หลักกฎหมาย การจัดการงานนอกสั่งโดยอนุโลมในคดีเกี่ยวกับสัญญาทางปกครอง แต่ปัจจุบันยังไม่มีคดีพิพาทเกี่ยวกับการจัดการงานนอกสั่งโดยแท้ เข้าสู่การพิจารณาคดีของศาลปกครอง (3) การปรับใช้หลักกฎหมายจัดการงานนอกสั่งในทางปกครองของไทยมีปัญหาเกี่ยวกับการนำ หลักกฎหมายแพ่งมาใช้กับเรื่องในทางปกครองซึ่งอาจขัดต่อหลักการจัดทำบริการสาธารณะ และปัญหาเกี่ยวกับอำนาจพิจารณาพิพากษา ของศาลปกครอง ซึ่งหากพิจารณาในบริบทของสังคมไทยแล้ว มีความสอดคล้องกับหลักความชอบธรรมในการช่วยเหลือตนเองของเยอรมัน  การคุ้มครองเอกชนที่เข้าจัดการงานของรัฐจะก่อให้เกิดความเป็นธรรมและเกิดประโยชน์แก่สาธารณะมากกว่า และข้อพิพาทที่เกี่ยวกับการจัดการงานนอกสั่งทางปกครองนั้นควรอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง (4) เสนอแนะให้กรณีที่เอกชนเข้าทำกิจการในอำนาจหน้าที่ ของหน่วยงานของรัฐควรได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายแต่อาจต้องพิจารณาหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการต้องเคยแจ้งให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการมาก่อนและความจำเป็นเร่งด่วนโดยนำแนวคิดของเยอรมันมาปรับใช้ จึงเห็นสมควรพิจารณานิยามของการจัดการงานนอกสั่งทางปกครอง หลักเกณฑ์พิจารณาเงื่อนไขของการจัดการงานนอกสั่งทางปกครอง และสมควรตีความคดีพิพาทเกี่ยวกับความรับผิดอย่างอื่นให้ครอบคลุมไปถึงการจัดการงานนอกสั่งทางปกครองด้วย
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13491
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:Law-Independent study

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
2654000724.pdf863.16 kBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น