กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13499
ชื่อเรื่อง: การควบคุมการใช้ดุลพินิจขององค์กรอิสระ ศึกษากรณีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ชื่อเรื่องอื่นๆ: Controlling the discretion of independent organizations : study the case of Information Disclosure by the National Anti-Corruption Commission
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: สุพัตรา แผนวิชิต
อดิศร พ่วงจินดา
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์
คำสำคัญ: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกกฎหมายมหาชน--การศึกษาเฉพาะกรณี
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
การเปิดเผยข้อมูล--กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
การศึกษาอิสระ--กฎหมายมหาชน
วันที่เผยแพร่: 2566
สำนักพิมพ์: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
บทคัดย่อ: การศึกษาค้นคว้าอิสระนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเพื่อ (1) ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในครอบครองของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (2) ศึกษาเปรียบเทียบขอบเขตการใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในครอบครอง ในประเทศไทยและประเทศสหราชอาณาจักร (3) ศึกษาวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในครอบครอง (4) ศึกษาข้อเสนอแนะในเรื่องการใช้ดุลพินิจในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในครอบครองขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การศึกษาค้นคว้าอิสระนี้ เป็นการวิจัยทางนิติศาสตร์ นี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยวิธีการวิจัยเอกสาร โดยอาศัยค้นคว้าข้อมูลจากหนังสือ ตำรา กฎหมาย คำพิพากษาฎีกา บทความทางวิชาการ วารสาร ผลงานวิจัย วิทยานิพนธ์ รายงานการศึกษา หรือเอกสารทางวิชาการที่เป็นภาษาไทย รวมถึงการสืบค้นข้อมูลและสื่ออิเล็กทรอนิกส์จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ วิเคราะห์เปรียบเทียบกับต่างประเทศ เพื่อหาข้อสรุป ภายใต้หลักทฤษฎีและหลักกฎหมาย เพื่อนำมาเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารทางราชการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติให้มีความเหมาะสมต่อไป ผลการศึกษาพบว่า (1) ตามแนวคิดทฤษฎีนั้นสิทธิในการรับรู้ข่าวสารของราชการ เป็นสิทธิอย่างหนึ่งที่ถูกกำหนดในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งบัญญัติไว้ในข้อ 19 และได้รับรองสิทธิของสาธารณชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารโดยการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเพื่อประกันสิทธิของบุคคล ประชาชนมีสิทธิที่จะรับรู้ข้อมูลข่าวสารของทางราชการได้เว้นแต่กรณีที่เป็นการเคารพในสิทธิหรือชื่อเสียงของบุคคลอื่น หรือเพื่อรักษาความมั่นคงแห่งชาติหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือสุขภาพของประชาชนหรือศีลธรรมอันดี รัฐหรือหน่วยงานรัฐจึงต้องใช้ดุลพินิจที่ชอบธรรมในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อประชาชนตามสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร (2) กฎหมายไทยเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจของของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในครอบครอง ยังมีความไม่ชัดเจน มีการตีความหมายของการใช้อำนาจขัดแย้งกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศสหราชอาณาจักรมีคำพิพากษาของศาลสูงที่ได้วินิจฉัยเคยวินิจฉัยเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยนำเอามาประเมินชั่งน้ำหนักกับผลประโยชน์สาธารณะ ซึ่งประเทศไทยมีการกำหนดไว้ในลักษณะกว้างไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าอย่างไรถึงเข้าเป็นเรื่องที่เกิดผลเสียประโยชน์สาธารณะ จึงทำให้เกิดการใช้ดุลพินิจในลักษณะลักลั่นไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างแท้จริง (3) ปัญหาขอบเขตการใช้ดุลพินิจในการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติยังมีความชัดเจนเพียงพอ ทำให้เกิดการใช้อำนาจดุลพินิจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างแท้จริง (4) สมควรแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในประเด็นการเปิดเผยข้อมูลข่าสารราชการให้สอดคล้องมากขึ้นกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ โดยอาจจำเป็นการระบุประเภทของข้อมูลข่าวสารที่ให้การคุ้มครอง ขั้นตอนการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่จะเปิดเผยได้ การสิ้นสุดของการไม่เปิดเผย กรณีใดบ้างที่เปิดเผยได้ รวมทั้งอาจกำหนดเรื่องประเด็นหลังจากมีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารมาแล้วต้องดำเนินการอย่างไรให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อลดการตีความหมายขัดกัน
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13499
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:Law-Independent study

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
2654001631.pdf1.28 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น