กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13743
ชื่อเรื่อง: | การวิเคราะห์ผลการดำเนินงานและการฟื้นฟูกิจการ ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) |
ชื่อเรื่องอื่นๆ: | Performance Analysis and Reorganization of Thai Airways International Public Company Limited |
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: | อภิญญา วนเศรษฐ ชัชชัย ฉันทจินดา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษา วสุ สุวรรณวิหค |
คำสำคัญ: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเศรษศาสตร์--วิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกเศรษศาสตร์--วิทยานิพนธ์ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)--การฟื้นฟู |
วันที่เผยแพร่: | 2566 |
สำนักพิมพ์: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
บทคัดย่อ: | การศึกษาการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานและการฟื้นฟูกิจการของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการดำเนินงานของการบินไทย โดยแบ่งเป็นช่วงเวลาดังนี้ (1) ช่วงก่อนเข้าฟื้นฟูกิจการและก่อนวิกฤต โควิด 19 (ปี 2561-2562) (2) ช่วงเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ในสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 (ปี 2563–2564) และ (3) ช่วงอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการภายหลังสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 (ปี 2565-2566)วิธีการศึกษาโดยใช้อัตราส่วนทางการเงินได้แก่ 1) อัตราส่วนสภาพคล่อง 2) อัตราส่วนโครงสร้างทางการเงิน 3) อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไร 4) อัตราส่วนประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ และ 5) อัตราส่วนมูลค่าทางการตลาด เปรียบเทียบกับสายการบินในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ อีก 2 สายการบินคือ สายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ และสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ นอกจากนี้ได้วิเคราะห์ SWOT เฉพาะการบินไทย และการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง ซึ่งคัดเลือกโดยวิธีเฉพาะเจาะจง จำนวน 20 คนผลการศึกษาอัตราส่วนทางการเงินการบินไทยเปรียบเทียบกับฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ และสิงคโปร์แอร์ไลน์ พบว่าฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ มีอัตราส่วนทางการเงินใกล้เคียงกับการบินไทย และสิงคโปร์แอร์ไลน์จากปัจจัยพื้นฐานและโครงสร้างทางการเงินที่ดีจึงทำให้อัตราส่วนทางการเงินดีกว่าอีก 2 สายการบิน ส่วนผลการดำเนินงานของการบินไทยจากการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน การวิเคราะห์ SWOT และการสัมภาษณ์เชิงลึก พบว่า (1) ช่วงก่อนเข้าฟื้นฟูกิจการและก่อนวิกฤตโควิด 19 (ปี 2561-2562) การบินไทยมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจจึงต้องดำเนินการตามระบบราชการ การบริหารทรัพย์สินได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งจำนวนบุคลากรที่มีจำนวนมากเกินไป (2) ช่วงเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ในสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 (ปี 2563-2564) พ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ จากการขาดสภาพคล่องทางการเงินในขั้นวิกฤตอยู่ในสภาวะหนี้สินล้นพ้นตัวจึงเป็นโอกาสและเหตุผลสำคัญในการต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้กฎหมายล้มละลาย ทำให้ได้รับการพักชำระหนี้ และเพิ่มประสิทธิภาพองค์การด้วยการลดค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะจำนวนบุคลากร จำหน่ายทรัพย์สินที่ใช้ประโยชน์ไม่เต็มประสิทธิภาพ ปรับการใช้เครื่องบินเป็นขนส่งสินค้าและวัสดุภัณฑ์ เพื่อเพิ่มกระแสเงินสดรับ (3) ช่วงอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการภายหลังสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 (ปี 2565-2566) ภายใต้การบริหารของผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการต้องปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูกิจการ ด้วยการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรองรับการขยายงาน อีกทั้งยังคงขายทรัพย์สินที่ใช้ประโยชน์ไม่เต็มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา จากการศึกษาผลการดำเนินงานของการบินไทยทั้ง 6 ปี พบว่าปัจจัยหลักที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของการบินไทย เกิดจากการได้มาของทรัพย์สินจากการก่อหนี้และใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้อัตราส่วนโครงสร้างทางการเงินที่มีหนี้สินมากกว่าส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวนมาก ส่งผลให้การบินไทยขาดสภาพคล่องทางการเงิน เป็นผลให้การดำเนินงานขาดทุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ช่วงที่เป็นรัฐวิสาหกิจการบริหารจัดการถูกแทรกแซงจากภายนอกองค์การ และติดอยู่กับระบบราชการทำให้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดผู้แข่งขันน้อยรายได้ ส่วนช่วงที่อยู่ในระหว่างแผนฟื้นฟูกิจการ สามารถดำเนินการได้ดีกว่าในแผนฟื้นฟูกิจการ |
รายละเอียด: | วิทยานิพนธ์ (ศ.ม. (เศรษฐศาสตร์))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2566 |
URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13743 |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | Econ-Theses |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|---|
2656000482.pdf | 1.83 MB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น