กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/5360
ชื่อเรื่อง: การยอมรับการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานของเกษตรกรผู้ปลูกแตงโมและพริกในอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา
ชื่อเรื่องอื่นๆ: An adoption of integrated pest management of watermelons and chili farmer in Kuraburi District, Phangnga Province
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: บำเพ็ญ เขียวหวาน, อาจารย์ที่ปรึกษา
นารีรัตน์ สีระสาร, อาจารย์ที่ปรึกษา
ฐิติมา ทองอนุ, 2526-
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษา
คำสำคัญ: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์--วิทยานิพนธ์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร--วิทยานิพนธ์
แตงโม--โรคและศัตรูพืช
พริก--โรคและศัตรูพืช
วันที่เผยแพร่: 2562
สำนักพิมพ์: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา 1) ความรู้และแหล่งความรู้การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานของเกษตรกร 2) ความต้องการการส่งเสริมการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานของเกษตรกร 3) ความคิดเห็นและการยอมรับ การส่งเสริมการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานของเกษตรกร 4) ปัญหาและข้อเสนอแนะในการส่งเสริมการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานของเกษตรกร 5) ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการยอมรับการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานของเกษตรกร ประชากรในการวิจัย คือ เกษตรกรผู้ปลูกแตงโมและพริกที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรปี 2562/63 เกษตรกรที่ได้รับการตรวจหาสารพิษตกค้างในเลือด และแบบสำรวจการปลูกพืชฤดูแล้ง ในอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา จำนวน 383 ราย กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามสูตรทาโร่ ยามาเน่ ที่ค่าความคลาดเคลื่อน 0.05 ได้จำนวน 196 ราย ทำการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย จัดเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูล โดย ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าต่ำสุด ค่าสูงสุด ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การจัดอันดับ และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า เกษตรกรส่วนมากเป็นเพศหญิง มีอายุเฉลี่ย 47.21 ปี มีพื้นที่ทำการเกษตรเฉลี่ย 9.95 ไร่ รายได้ภาคการเกษตรเฉลี่ย 113,095.46 บาท/ปี รายได้นอกภาคการเกษตรเฉลี่ย 31,443.37 บาท/ปี หนี้สินในภาคการเกษตรเฉลี่ย 27,576.53 บาท/ปี หนี้สินนอกภาคการเกษตรเฉลี่ย 32,181.12 บาท/ปี 1) ความรู้ของเกษตรกรต่อการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานอยู่ในระดับมาก แหล่งความรู้ที่เกษตรกรได้รับอยู่ในระดับน้อย โดยได้รับจากสื่อกลุ่ม/องค์กรมากที่สุด 2) เกษตรกรมีความต้องการการส่งเสริมการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานในระดับมาก โดยด้านการติดตาม/เยี่ยมเยียน/ให้บริการมากที่สุด 3) เกษตรกรมีความคิดเห็นต่อการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานอยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะผลผลิต มีความปลอดภัยในอาหารที่บริโภคและผลผลิต มีความปลอดภัยต่อผู้ผลิตและผู้บริโภคมากที่สุด โดยการยอมรับ การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานในเชิงความคิดอยู่ในระดับปานกลาง โดยยอมรับวิธีเขตกรรมมากที่สุด ส่วนการยอมรับเชิงปฏิบัติเกษตรกรส่วนมากยอมรับวิธีเขตกรรมมากที่สุด 4) ปัญหาในการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานอยู่ในระดับ ปานกลาง โดยมีปัญหาทั้งด้านความรู้และด้านการปฏิบัติ 5) การวิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่า ระดับความรู้และ แหล่งเรียนรู้ ระดับความต้องการการส่งเสริมการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติต่อการยอมรับเชิงความคิดเห็นต่อการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน ในเชิงปฏิบัติ พบว่ารายได้นอกภาคการเกษตร มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญยิ่งต่อการยอมรับการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน เกษตรกรมีข้อเสนอแนะ ด้านความรู้ในการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน ได้แก่ หน่วยงานควรจัดอบรมอย่างต่อเนื่อง ดำเนินการจัดฝึกอบรมแยกแต่ละวิธี ควรจัดอบรมให้ตรงกับช่วงการเพาะปลูก ด้านการปฏิบัติในการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานเสนอแนะว่าควรจัดทำแปลงเรียนรู้/แปลงต้นแบบและด้านการส่งเสริมและสนับสนุนจากหน่วยงานเสนอแนะว่าต้องการการสนับสนุนงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์และต้องการให้เจ้าหน้าที่ติดตามเยี่ยมเยียนสม่ำเสมอ
รายละเอียด: วิทยานิพนธ์ (กษ.ม.(ส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2562
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/5360
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:Agri-Theses

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
FULLTEXT.pdfเอกสารฉบับเต็ม17.54 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการนี้ได้รับอนุญาตภายใต้ Creative Commons License Creative Commons