Please use this identifier to cite or link to this item:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/5885
Title: | มาตรการแทนการฟ้องคดีอาญา : ศึกษาระบบชะลอการฟ้อง |
Other Titles: | Alternative measures to criminal prosecution : deferred prosecution system |
Authors: | ธวัชชัย สุวรรณพานิช เฉลิมศรี บรรจง, 2514- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์ |
Keywords: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกกฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรม--การศึกษาเฉพาะกรณี การชะลอการฟ้อง การศึกษาอิสระ--กฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรม |
Issue Date: | 2561 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
Abstract: | การศึกษาค้นคว้าอิสระนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาที่มา แนวคิด ทฤษฎี กฎหมายที่ เกี่ยวข้องกับมาตรการชะลอการฟ้องคดีอาญา โดยศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายของประเทศญี่ปุ่น ตลอดจนศึกษาปัญหาที่ไม่สามารถนำมาตรการนี้มาบังคับใช้ในประเทศไทย เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขให้สอดคล้องกับกระบวนการยุติธรรมทางอาญาและระบบฎหมายของไทยและนําไปบังคับใช้ได้อยางเหมาะสม การศึกษาค้นคว้าอิสระนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธีวิจัยทางเอกสารจากการศึกษาค้นคว้าตัวบทกฎหมาย ตําราวิชาการต่าง ๆ ทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ บทความ รายงานการวิจัย วิทยานิพนธ์ และการศึกษาค้นคว้าวิจัยข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลมาทําการศึกษาวิเคราะห์และเรียบเรียงอย่างเป็นระบบ ผลการศึกษาพบว่ามาตรการชะลอการฟ้องคดีอาญาเป็นมาตรการเบี่ยงเบนหรือหันเหคดีให้ออกจากกระบวนการยุติธรรมทางอาญาโดยนํากระบวนการยุติธรรมทางเลือกที่มุ่งเน้นความ สมานฉันท์ด้วยการคํานึงถึงผู้เสียหายการให้โอกาสผู้กระทําผิดกลับตนเป็นคนดี แก้ไขในสิ่งที่กระทําตลอดจนสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ วัตถุประสงค์สําคัญของมาตรการคือต้องการให้ความผิดในคดีอาญาบางประเภทยุติในชั้นก่อนฟ้องคดีและนําวิธีการอื่นมาบังคับใช้แทนการจําคุก มาตรการนี้เป็นวิธีบริหารจัดการคดีของภาครัฐที่ให้พนักงานอัยการมีอํานาจใช้ดุลพินิจสั่งชะลอการฟ้องและกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติ และให้อัยการสูงสุดมีอํานาจตรวจสอบคําสั่งชะลอการฟ้องโดยไม่มีองค์กรภายนอกเข้าร่วมตรวจสอบอีก จึงเป็นลักษณะการตรวจสอบตามลําดับชั้นสาย งานภายในองค์กรเท่านั้น ซึ่งการใช้อํานาจของรัฐที่มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลควร ต้องมีองค์กรอื่นร่วมตรวจสอบเพื่อเป็นหลักประกันความสุจริต ความเสมอภาคของกระบวนการยุติธรรม อีกทั้งบทบัญญัติบางมาตราในกฎหมายนี้ไม่คุ้มครองสิทธิของบุคคล เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาการนํามาตรการดังกล่าวมาใช้ในประเทศไทย ผู้เขียนจึงมีข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแก้ไข้ กฎหมายเพื่อให้สามารถนํามาบังคับใช้ได้จริงและก่อให้เกิดประโยชน์สมเจตนารมณ์ของกฎหมาย |
URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/5885 |
Appears in Collections: | Law-Independent study |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
fulltext_159594.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 14.17 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License