Please use this identifier to cite or link to this item:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/6829
Title: | การวิเคราะห์งานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริหารในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานระหว่างปี พ.ศ. 2537-2549 |
Other Titles: | Analysis of research findings on administrative behaviors in basic education institutions between B.E. 2537-2549 |
Authors: | สฤษดิ์พงษ์ ลิมปิษเฐียร ธวัลรัตน์ วินิตวัฒนคุณ, 2508- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ |
Keywords: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาบริหารการศึกษา--การศึกษาเฉพาะกรณี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาศึกษาศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี การวิเคราะห์งาน การศึกษาขั้นพื้นฐาน การศึกษาอิสระ--บริหารการศึกษา |
Issue Date: | 2551 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
Abstract: | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ผลการวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริหารในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อจัดหมวดหมู่ ประเด็นเนื้อหาวิจัย ปีพ.ศ.ที่วิจัย ประเภทงานวิจัย และข้อค้นพบเพิ่มเติมในองค์ความรู้ส่วนนี้เพื่อประโยชน์ทางการบริหารการศึกษา งานวิจัยที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ วิทยานิพนธ์และการศึกษาค้นคว้าอิสระระดับบัณฑิตศึกษาสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ แขนงวิชาบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ระหว่างปี พ.ศ.2537-2549 จํานวน 52 เล่ม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบการวิเคราะห์งานวิจัยที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นโดยใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการ วิจัยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ (1) ด้านลักษณะทั่วไปของงานวิจัยพบว่า จํานวนผู้สําเร็จการศึกษาแขนงวิชาบริหารการศึกษา แผน ก.มีมากกว่าแผน ข. รูปแบบการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงพรรณนารูปแบบสํารวจกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริหารและครูมากที่สุด ส่วนใหญ่มีขนาดกลุ่มตัวอย่างอยู่ระหว่าง 201 - 400 คน และจํานวนกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่มมีมากที่สุดการ กําหนดกลุ่มตัวอย่างนิยมใช้ตารางเครจซีและมอร์แกนและการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย ผู้วิจัยนิยมสร้างแบบสอบถามมาตรประมาณค่าของลิเคอร์ทเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติพื้นฐานนิยมใช้วัดค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติอ้างอิงใช้การทดสอบค่าที่และการวิเคราะห์ความแปรปรวนมากที่สุด ด้านคุณภาพเครื่องมือวัดความตรงตามเนื้อหา และโครงสร้าง คุณภาพเครื่องมือวิจัยด้าน ความเที่ยง ความเชื่อมั่น แบบอิงกลุ่มที่วัดความคงที่ภายในใช้สัมประสิทธิ์อัลฟาของ ครอนบาดมากที่สุด (2) ผลการวิเคราะห์ด้านเนื้อหาพบว่าก่อนปฏิรูปการศึกษางานวิจัยระหว่างปี พ.ศ.2537 – 2541 จะวิจัยพฤติกรรมการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อเปรียบเทียบหาค่าความสัมพันธ์ของภาระงานทั้ง 4 ด้านกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนหรือความพึงพอใจของครูผู้สอนเป็นหลัก ผู้บริหารยังมิได้นําทฤษฎีการบริหารแนวใหม่มาใช้เช่น หลักการมีส่วนร่วม การบริหารคุณภาพ การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การบริหารเชิงกลยุทธ์หลังปฏิรูปการศึกษางานวิจัยระหว่างปี พ.ศ.2542 2549 มีประเด็นวิจัยเพิ่มเติมจากเดิมได้แก่ การหาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมผู้นํากับประสิทธิผลการบริหาร คุณภาพการศึกษา คุณภาพนักเรียน การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน แรงจูงใจและความฉลาดทางอารมณ์ ใช้หลักการมีส่วนร่วมในการบริหาร ความ ต้องการให้ผู้บริหารเป็นผู้นําวิชาการและมีพฤติกรรมการบริหารตามเกณฑ์มาตรฐานวงจรคุณภาพของเดมมิ่งการบริหาร ในฐานะนิติบุคคล การบริหาร โดยจัดการเรียนรู้ด้านผู้เรียนเป็นสําคัญ และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา เริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมทางคุณธรรม และจรรยาวิชาชีพ ข้อค้นพบดังกล่าวสะท้อนถึงงานวิจัยที่เป็นไปในแนว ทางการปฏิรูปการศึกษาของรัฐ ที่ได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารเป็นแบบการ กระจายอํานาจไปสู่สถานศึกษา ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาพฤติกรรมการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาในที่สุด |
URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/6829 |
Appears in Collections: | Edu-Independent study |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
fulltext_122406.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 5.63 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License