Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/8945
Title: ผลของการให้การปรึกษากลุ่มตามทฤษฎีการปรึกษาแบบภวนิยมต่อการเห็นคุณค่าแห่งตนของผู้ต้องขังหญิงคดียาเสพติดในทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพมหานคร
Other Titles: Effect of existential group counseling on self-esteem of female prisoners in a narcotic case of the Central Women Correctional Institution Bangkok Metropolita
Authors: ลัดดาวรรณ ณ ระนอง, อาจารย์ที่ปรึกษา
นิธิพัฒน์ เมฆขจร, อาจารย์ที่ปรึกษา
ทัศวลัย ทองเนื้อแปด, 2526-
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษา
Keywords: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ -- วิทยานิพนธ์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาการแนะแนวและการปรึกษาเชิงจิตวิทยา -- วิทยานิพนธ์
การให้คำปรึกษาแบบกลุ่ม
นักโทษหญิง -- การให้คำปรึกษา
Issue Date: 2558
Publisher: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เปรียบเทียบการเห็นคุณค่าแห่งตนของผู้ต้องขัง คดียาเสพติดในทัณฑสถานหญิงกลางก่อนและหลังการให้การปรึกษากลุ่มตามทฤษฎีการปรึกษา แบบภวนิยมและ (2) เปรียบเทียบความแตกต่างการเห็นคุณค่าแห่งตนของผู้ต้องขังหญิงคดียาเสพติด ในทัณฑสถานหญิงกลางระยะหลัง การทดลองและระยะติดตามผลการทดลอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้ต้องขังหญิงคดียาเสพติดทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2558 ที่มีอายุตั้งแต่ 18-30 ปี จำนวน 10 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่ม อย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสำรวจคุณค่าแห่งตนและมีค่าความเที่ยงเท่ากบั 0.88 และโปรแกรมให้การปรึกษากลุ่มตามทฤษฎีการปรึกษาแบบภวนิยม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การทดสอบเครื่องหมาย ทดสอบค่าวิลคอกซัน ผลการวิจัย พบว่า (1) ผู้ต้องขังหญิงคดียาเสพติด หลังจากได้รับการให้การปรึกษา กลุ่มตามทฤษฎีการปรึกษาแบบภวนิยม มีการเห็นคุณค่าในตนเองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมี นัยสำคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 และ (2) ผู้ต้องขังหญิงคดียาเสพติด มีการเห็นคุณค่าในตนเองระยะ ติดตามผลเพิ่มขึ้นกว่าระยะหลังการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระดับ .05
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/8945
Appears in Collections:Edu-Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
151074.pdfเอกสารฉบับเต็ม2.41 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons