Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/9530
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorธีระวุธ ธรรมกุลth_TH
dc.contributor.authorณัฐนันท์ ฤทธิ์สำเร็จ, 2536-th_TH
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษาth_TH
dc.date.accessioned2023-09-15T02:34:32Z-
dc.date.available2023-09-15T02:34:32Z-
dc.date.issued2563-
dc.identifier.urihttps://ir.stou.ac.th/handle/123456789/9530-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (ส.ม.(สาธารณสุขศาสตร์))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2563th_TH
dc.description.abstractการวิจัยแบบภาคตัดขวางนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) ปัจจัยส่วนบุคคล การทำงาน และชีวิตความเป็นอยู่ (2) ภาวะหมดไฟในการทำงาน และ (3) อิทธิพลของปัจจัยส่วนบุคคล การทํางาน ชีวิตความเป็นอยู่ต่อภาวะหมดไฟในการทํางานของบุคลากรในโรงพยาบาลเอกชน อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ คือ บุคลากรที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาลหรืองานบริการทางการแพทย์ ในโรงพยาบาลเอกชน 4 แห่ง จํานวน 348 คน จากทั้งหมด 2,211 คน คำนวณขนาดตัวอย่างสําหรับวิเคราะห์สมการถดถอยเชิงพหุของ Cohen (1988) และทําการสุ่มตัวอย่างแบบมีระบบ เก็บข้อมูลโดยแบบสอบถามทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคล การทํางาน และแบบวัดภาวะหมดไฟในการทํางานมีค่าความเที่ยง 0.89 เก็บข้อมูลระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2563 ถึงมกราคม 2564 วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยการหาความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ ผลการศึกษาพบว่า (1) บุคลากรในโรงพยาบาลเอกชนส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุเฉลี่ย 32.45 ปี ระดับการศึกษาปริญญาตรี อายุการทํางานน้อยกว่า 10 ปี ความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน อยู่ในระดับปานกลาง มีความสนิทสนมรักใคร่กันดี สถานภาพทางเศรษฐกิจพบว่ามีรายจ่ายมากกว่ารายได้และมีหนี้สิน (2) ระดับภาวะหมดไฟในการทํางานส่วนใหญ่อยู่ในระดับ ทั้งด้านความอ่อนล้าทางอารมณ์ การลดค่าความเป็นบุคคล และการลดความสําเร็จส่วนบุคคล และ (3) ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะหมดไฟในการทํางาน คือ ระดับการศึกษา ประสบการณ์การทํางาน ความพึงพอใจในการปฏิบัติงาน การเคยคิดลาออกจากอาชีพ ความเพียงพอของการมีเวลาส่วนตัว และสถานภาพทางเศรษฐกิจ ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 ซึ่งสามารถร่วมกันอธิบายการแปรผันตามการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ได้ร้อยละ 33.40th_TH
dc.formatapplication/pdfen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)en_US
dc.rights.urihttps://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/en_US
dc.sourceBorn digitalen_US
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ--วิทยานิพนธ์th_TH
dc.subjectบุคลากรทางการแพทย์--ความเครียดในการทำงานth_TH
dc.subjectโรงพยาบาลเอกชน--ไทย--ชลบุรี--ความพอใจในการทำงานth_TH
dc.titleปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับภาวะหมดไฟในการทำงานของบุคลากรในโรงพยาบาลเอกชน อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรีth_TH
dc.title.alternativeFactors related to burnout syndrome of personnel in private hospitals, Mueang Chon Buri District, Chon Buri Provinceen_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิตth_TH
dc.degree.levelปริญญาโทth_TH
dc.degree.disciplineสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพth_TH
dc.degree.grantorมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.description.abstractalternativeThis cross-sectional research aimed to study: (1) personal, work and living factors; (2) burnout syndrome; and (3) influence of personal, work and living factors on burnout syndrome of personnel at 4 private hospitals in Chon Buri province’s Mueang district. The study involved a sample of 348 medical care personnel systematically selected out of all 2,211 such personnel working at 4 private hospitals in Mueang Chon Buri district; the sample size was calculated for analyzing Cohen's multiple regression equations (1988). Data were collected using a three-part questionnaire covering personal data, work factors and Maslach Burnout Inventory assessment (MBI) with the reliability value of 0.89 between November 2020 and January 2021; and data analysis was performed for quantitative data to determine frequencies, percentages, means, standard deviations, and multiple linear regression. The results indicated that, among the study participants: (1) most of the private hospital personnel were female with a mean age of 32.45 years, graduated with a bachelor's degree, and had less than 10 years of service; they had working satisfaction at a moderate level, close relationship, and were indebted as their expenditure was higher than income; (2) most of the burnout levels were low in all three dimensions (emotional exhaustion, depersonalization and diminished personal accomplishment); and (3) factors significantly related to burnout syndrome were education level, work experience, performance satisfaction, resignation thoughts, personal time and economic status (P = 0.05); all of which could explain 33.40% of the conditions according to a multiple regression analysisen_US
dc.contributor.coadvisorปกกมล เหล่ารักษาวงษ์th_TH
Appears in Collections:Health-Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
FULLTEXT.pdfเอกสารฉบับเต็ม13.2 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons