Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13893
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorเบญจมาศ อยู่ประเสริฐth_TH
dc.contributor.authorชัยพร เลาหล้า, 2531-th_TH
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษาth_TH
dc.date.accessioned2025-01-31T02:42:12Z-
dc.date.available2025-01-31T02:42:12Z-
dc.date.issued2564-
dc.identifier.urihttps://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13893en_US
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (กษ.ม. (ส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2564th_TH
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) สภาพส่วนบุคคล สภาพสังคมและเศรษฐกิจของเกษตรกร 2) สภาพการปฏิบัติในการผลิตและสิ่งจูงใจในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของเกษตรกร 3) ความรู้แหล่งความรู้ด้านการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวและการได้รับการส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของเกษตรกร 4) ความต้องการการส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของเกษตรกร 5) ปัญหาและข้อเสนอแนะในการส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ เกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวกับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวแพร่ในฤดูฝนปี 2564 จำนวน 433 ราย กำหนดขนาดตัวอย่างโดยใช้สูตรของ ทาโร ยามาเน ที่ระดับความคลาดเคลื่อน 0.05 ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 208 ราย สุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าสูงสุด ค่าต่ำสุด ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า 1) เกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวร้อยละ 58.2 เป็นเพศชาย มีอายุเฉลี่ย 53.65 ปี มีประสบการณ์ในการจัดทำแปลงขยายพันธุ์เฉลี่ย 7.43 ปี มีพื้นที่จัดทำแปลงขยายพันธุ์เฉลี่ย 11.24ไร่ ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ย 600.05 กิโลกรัม รายได้ต่อไร่เฉลี่ย 8,312.43 บาท มีต้นทุนการผลิตต่อไร่เฉลี่ย 5,097.05 บาท 2) เกษตรกร ร้อยละ 98.1 มีการปฏิบัติในขั้นตอนการจัดทำแปลงขยายพันธุ์อยู่ในระดับมากที่สุด ในประเด็น การแช่เมล็ดพันธุ์ และบ่มเมล็ดพันธุ์ให้ข้าวแตกตาตุ่มก่อนนำไปเพาะ การสำรวจแปลงนา เพื่อพยากรณ์การระบาดของศัตรูข้าว และทำความสะอาดรถเกี่ยวก่อนทำการเก็บเกี่ยว และประเด็นที่ปฏิบัติน้อยที่สุดได้แก่การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี และป้องกันกำจัดศัตรูข้าวโดยใช้หลายวิธี สิ่งจูงใจในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวมากที่สุดได้แก่ การมีตลาดจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวที่แน่นอน มีมาตรฐานการรับซื้อที่ชัดเจน และราคารับซื้อสูงกว่าท้องตลาด 3) เกษตรกรส่วนใหญ่มีความรู้อยู่ในระดับมาก ประเด็นที่เกษตรมีความรู้มากที่สุดได้แก่การเก็บรักษาและการขนย้าย รองลงมาได้แก่การเตรียมพื้นที่ และประเด็นที่เกษตรกรมีความรู้น้อยที่สุดได้แก่ การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว แหล่งความรู้ที่เกษตรกรได้รับความรู้มากที่สุด คือ เจ้าหน้าที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวแพร่ และเกษตรกรทั้งหมดได้รับการส่งเสริมด้านเนื้อหาความรู้โดยเจ้าหน้าที่เข้าไปพบปะเยี่ยมเยือนที่แปลงหรือบ้าน การประชุมกลุ่มและการฝึกปฏิบัติในแปลง 4) เกษตรกรมีความต้องการการส่งเสริมด้านเนื้อหาความรู้อยู่ในระดับมากที่สุดโดยประเด็น ที่ต้องการการส่งเสริมมากที่สุดคือ การตรวจตัดพันธุ์ปนและการดูแลรักษาแปลงขยายพันธุ์ข้าว ส่วนวิธีการส่งเสริมที่เกษตรกรต้องการมากที่สุดได้แก่ เจ้าหน้าที่เข้าไปพบปะเยี่ยมเยือนที่แปลงหรือบ้าน การประชุมกลุ่ม การฝึกอบรม การฝึกปฏิบัติในแปลง เอกสารคำแนะนำ และจากคู่มือจัดทำแปลงขยายพันธุ์ข้าว 5) เกษตรมีปัญหาในการส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวมากที่สุดในประเด็นต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาค่อนข้างสูง และมีข้อเสนอแนะให้มีเนื้อหาความรู้ของการอบรมตรงกับความต้องการของเกษตรกรth_TH
dc.formatapplication/pdfen_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0)en_US
dc.rights.urihttps://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/en_US
dc.sourceBorn digitalen_US
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์--วิทยานิพนธ์th_TH
dc.subjectมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร--วิทยานิพนธ์th_TH
dc.subjectศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวแพร่th_TH
dc.subjectข้าว--เมล็ดพันธุ์--การผลิตth_TH
dc.titleความต้องการการส่งเสริมการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของเกษตรกรในศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวแพร่th_TH
dc.title.alternativeExtension needs for rice seed production of farmers in Phrae Rice seed centeren_US
dc.typeThesisen_US
dc.degree.nameเกษตรศาสตรมหาบัณฑิต (ส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร)th_TH
dc.degree.levelปริญญาโทth_TH
dc.degree.disciplineสาขาวิชาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์th_TH
dc.degree.grantorมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชth_TH
dc.description.abstractalternativeThe objectives of this research were to study 1) personal, social, and economic conditions of farmers; 2) practices in the production and motivation for the rice seed production of farmers; 3) knowledge and knowledge resources regarding rice seed production and the obtainment of the extension on rice seed production of farmers; 4) needs in the rice seed production extension of farmers; and 5) problems and suggestions regarding the extension of rice seed production. A sample size of 208 was taken from a total of 433 rice seed production farmers in the Phrae rice seed center during the rainy season of 2021. This was determined using the Taro Yamane computation allowing for an error value of 0.05 and applying a simple random sampling method. Data were collected by conducting an interview and were analyzed using descriptive statistics and frequency distribution. The findings of this study were enumerated below. 1) around 58.2% of rice seed production farmers were male with an average age of 53.65 years old, years of experience in reproductive crop production was 7.43 years, the mean land area for seed production was 11.24 Rai, an average productivity per Rai of 600.05 kilograms, an average income per Rai of 8,312.43 Baht, and an average product cost per Rai of 5,097.05 Baht while 88.9% of them spent their personal funding for rice seed production. 2) nearly all of the farmers (98.1%) highly practiced in steps for crop creation, and the most practiced by the farmers were submerging the seeds and maturing the rice seed before cultivation, surveying the crop to predict the outbreak of rice pests, and cleaning the harvester. On the other hand, the least three aspects that farmers practiced were the application of fertilizer according to soil analysis, the application of organic fertilizer mixed with chemical fertilizer, and pest control using various methods such as biological substance, chemical substance, and mechanical method. Farmer’s greatest motivation for rice seed production was concrete market distribution, the explicit standard for buying, and the higher price of buying than in the local market. 3) most farmers had high knowledge of rice seed production specifically on storage and transportation followed by land preparation.The least knowledge was on the aspect of harvest and post-harvest management. The greater knowledge resource that farmers received was from Phrae seed center officers. All the farmers received the knowledge content extension through visitation of the crop or the house by officers, group meetings, and practical application in the crop. 4) the farmers needed the most knowledge content in extension regarding the checking of the seedlings mixed with the maintenance of rice reproduction. The extension method that farmers wanted the most was the officers meeting the farmers on the farm or at home, the training, the practical steps, instructional documents, and the manual for rice crop creation. 5) farmers were faced with the main problems of high expenses and maintenance costs. It was suggested that the distribution of knowledge content be on training that matched the needs of the farmers, and the content be succinct and easy to understand. Moreover, it was proposed that practical training on rice reproduction crop management be conducted so that the farmers can gain more knowledge and practice properly.en_US
dc.contributor.coadvisorสินีนุช ครุฑเมือง แสนเสริมth_TH
Appears in Collections:Agri-Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
FULLTEXT.pdfเอกสารฉบับเต็ม14.68 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons