กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/10583
ชื่อเรื่อง: | บทบาทของพนักงานอัยการกับการตรวจสอบในกระบวนการยุติธรรม : ศึกษาเฉพาะการดำเนินคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง |
ชื่อเรื่องอื่นๆ: | Roles of the public prosecutor and scrutiny in justice proceedings : specific case study of criminal proceedings against holders of political positions |
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: | สุพัตรา แผนวิชิต ศรากร สวัสดิ์มงคล, 2526- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์ |
คำสำคัญ: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกกฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรม--การศึกษาเฉพาะกรณี กระบวนการยุติธรรมทางอาญา อัยการ นักการเมือง--คดีอาญา การศึกษาอิสระ--กฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรม |
วันที่เผยแพร่: | 2562 |
สำนักพิมพ์: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
บทคัดย่อ: | การศึกษาค้นคว้าอิสระนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาแนวคิด วัตถุประสงค์ และหลักเกณฑ์ของการดําเนินคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง (2) ศึกษาแนวคิด วัตถุประสงค์ และหลักการการสั่งคดีของพนักงานอัยการของไทยและต่างประเทศ (3) ศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาในการทําสํานวนคดีระหว่างอัยการสูงสุดและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (4) แก้ไขบทบัญญัติกฎหมายของอัยการสูงสุดเพื่อทําให้คดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีประสิทธิภาพ การศึกษาค้นคว้าอิสระนี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธีการวิจัยจากเอกสาร ซึ่งผู้ศึกษาได้ทําการรวบรวมข้อมูลจากหนังสือภาษาไทยและหนังสือภาษาอังกฤษ ข้อมูลจากตําราและคําอธิบายต่างๆ หมายเหตุท้ายคําพิพากษาศาลฎีกาในคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง บทความภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เอกสารวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบว่า (1) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติส่งสํานวนการไต่สวน อัยการสูงสุดต้องดําเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง อันเป็นหลักการดําเนินคดีตามกฎหมาย (2) การดําเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการตามหลักสากลรวมทั้งในประเทศไทยเป็นหลักการดําเนินคดีอาญาตามดุลพินิจที่พนักงานอัยการสามารถจะกลั่นกรองคดีอาญาก่อนขึ้นสู่ศาล (3) กฎหมายกําหนดให้อัยการสูงสุดฟ้องคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองเป็นหลัก แต่อัยการสูงสุดไม่มีอํานาจสอบสวนและไม่มีอํานาจใช้ดุลพินิจในการสั่งคดีและ (4) ผู้เขียนจึงขอเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายระดับพระราชบัญญัติโดยให้อัยการสูงสุดเข้ามามีส่วนร่วมในการไต่สวนกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตั้งแต่เริ่มกระบวนการทําสํานวน และสามารถใช้ดุลพินิจพิจารณาสั่งคดีตามฐานความผิดที่เห็นสมควร โดยมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทําหน้าที่สอบสวนร่วมกับอัยการสูงสุดตรวจสอบถ่วงดุลอํานาจ |
URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/10583 |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | Law-Independent study |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|---|
FULLTEXT.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 13.34 MB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการนี้ได้รับอนุญาตภายใต้ Creative Commons License