กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/10665
ชื่อเรื่อง: การประเมินผลการรายงานค่าวิกฤตของกลุ่มงานเทคนิคการแพทย์และพยาธิวิทยาคลินิก โรงพยาบาลแพร่
ชื่อเรื่องอื่นๆ: The evaluation of critical value reports of the Medical Technology and Clinical Pathology Department in Phrae Hospital
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: นิตยา เพ็ญศิรินภา, อาจารย์ที่ปรึกษา
ภัทร จันทาพูน, 2533-
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ
คำสำคัญ: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกบริหารโรงพยาบาล --การศึกษาเฉพาะกรณี
เทคนิคการแพทย์--การรายงาน--การประเมิน
พยาธิวิทยา--การรายงาน--การประเมิน
โรงพยาบาล--ไทย--แพร่
การศึกษาอิสระ--บริหารโรงพยาบาล
วันที่เผยแพร่: 2561
สำนักพิมพ์: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
บทคัดย่อ: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ประเมินผลการรายงานค่าวิกฤตของกลุ่มงานเทคนิคการแพทย์และพยาธิวิทยาคลินิก โรงพยาบาลแพร่ในด้านความครบถ้วน ถูกต้องและความรวดเร็ว (2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างช่วงเวลาของการส่งตรวจ (เวรเช้า/เวรบ่าย/เวรดึก) กับความรวดเร็วในการรายงานค่าวิกฤต (3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนการทดสอบต่อรายกับความรวดเร็วในการรายงานค่าวิกฤต และ (4) ตรวจสอบความสัมพันธ์ของการรายงานค่าวิกฤตกับอาการวิกฤตของผู้ป่วยโดยผู้เชี่ยวชาญ ประชากรที่ศึกษาคือ บันทึกการรายงานค่าวิกฤต 810 ใบรายงาน ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2562 ถึง 30 เมษายน 2562 และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการรายงานและรับรายงานค่าวิกฤต โรงพยาบาลแพร่ กลุ่มตัวอย่างที่เป็นบันทึกการรายงานค่าวิกฤต จำนวน 270 ใบรายงาน ได้จากการสุ่มอย่างมีระบบและกลุ่มตัวอย่างในการตรวจสอบความสัมพันธ์ของการรายงานค่าวิกฤตกับอาการวิกฤตของผู้ป่วยเลือกแบบเจาะจงประกอบด้วย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้รับรายงานค่าวิกฤต ได้แก่ แพทย์และพยาบาล และกลุ่มผู้รายงานค่าวิกฤต ได้แก่ นักเทคนิคการแพทย์ จำนวน 10 คน โดยมีการสนทนากลุ่มในประเด็นใบรายงานที่ได้จากการสุ่มอย่างมีระบบ 27 ใบรายงาน คิดเป็นร้อยละ 10 ของใบรายงานที่ศึกษา เครื่องมือวิจัยประกอบด้วยแบบบันทึกรายการและประเด็นสนทนากลุ่ม มีค่าความเที่ยงของเครื่องมือเท่ากับ 0.85 และ 0.91 ตามลำดับ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ การทดสอบไคสแควร์ ผลการวิจัย พบว่า (1) การรายงานค่าวิกฤตมีความครบถ้วน และความถูกต้องทั้งหมด ส่วนความรวดเร็วในการรายงานค่าวิกฤต พบว่า ไม่เกินเวลา ร้อยละ 72.2 (2) ช่วงเวลาของการส่งตรวจกับความรวดเร็วในการรายงานค่าวิกฤตมีความสัมพันธ์กัน โดยพบว่าสัดส่วนของการรายงานค่าวิกฤตที่เกินเวลามากที่สุดคือ เวรดึก ร้อยละ 46.2 อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 (3) จำนวนการทดสอบต่อรายกับความรวดเร็วในการรายงานค่าวิกฤตมีความสัมพันธ์กัน โดยพบว่า สัดส่วนของการรายงานค่าวิกฤตที่เกินเวลาเมื่อมีมากกว่า 1 การทดสอบต่อรายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 (4) การรายงานค่าวิกฤตมีความสัมพันธ์กับอาการวิกฤตของผู้ป่วยจากการสนทนากลุ่มโดยผู้เชี่ยวชาญ
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/10665
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:Health-Independent study

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
161871.pdfเอกสารฉบับเต็ม9.58 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการนี้ได้รับอนุญาตภายใต้ Creative Commons License Creative Commons