Please use this identifier to cite or link to this item:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/11326Full metadata record
| DC Field | Value | Language |
|---|---|---|
| dc.contributor.advisor | เฉลิมศักดิ์ ตุ้มหิรัญ | th_TH |
| dc.contributor.author | สุธีมนัส สุวรรณมาลย์, 2527- | th_TH |
| dc.contributor.other | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษา | th_TH |
| dc.date.accessioned | 2024-01-30T02:29:08Z | - |
| dc.date.available | 2024-01-30T02:29:08Z | - |
| dc.date.issued | 2564 | - |
| dc.identifier.uri | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/11326 | en_US |
| dc.description | วิทยานิพนธ์ (กษ.ม. (ส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2564 | th_TH |
| dc.description.abstract | การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) สภาพการผลิตข้าวของเกษตรกร 2) ลักษณะการรับข่าวสารจากสื่อของเกษตรกร 3) ความต้องการใช้สื่อสังคมในการส่งเสริมการเกษตรของเกษตรกร 4) ปัญหาและข้อเสนอแนะการใช้สื่อสังคมในการส่งเสริมการเกษตรของเกษตรกร และ 5) แนวทางการส่งเสริมการใช้สื่อสังคมในการส่งเสริมการผลิตข้าวของเกษตรกร ผลการวิจัยพบว่า 1) เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุระหว่าง 51-60 ปี สถานภาพสมรสจบการศึกษาระดับประถมศึกษา มีสมาชิกในครัวเรือน 9-4 คน ไม่ดำรงตำแหน่งและไม่ได้เป็นสมาชิกกลุ่มองค์กรมีอาชีพเสริมคือรับจ้างทั่วไป ถือครองพื้นที่การเกษตร 5-8 ไร่ มีรายได้ในภาคการเกษตร 50,001 - 100,000 ต่อเดือน มีค่าใช้จ่ายในการซื้อโทรศัพท์ 1,000 - 5,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ต 100 - 500 บาท ต่อเดือน 2) เกษตรกรส่วนใหญ่ได้รับข่าวสารจากสื่อโทรทัศน์มากที่สุด รองลงมาคือ สื่อทางราชการ และสื่อสังคม ได้แก่ ยูทูป ไลน์ และ เฟซบุ๊ก ตามลำดับ 3) เกษตรกรต้องการใช้สื่อสังคมประเภทไลน์มากที่สุดในด้านของข้อความและรูปภาพเกี่ยวกับการจัดการศัตรูพืช และการเก็บเกี่ยวผลผลิต รองลงมาคือ เฟซบุ๊ก ในด้านรูปภาพเกี่ยวกับการเตรียมดิน และช่องทางการจัดจำหน่าย และ ยูทูป ในด้านคลิปวิดีโอที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีการปลูก การแปรรูป การจัดการดินและปุ๋ย 4) เกษตรกรพบปัญหาเกี่ยวกับการใช้สื่อสังคมด้านเศรษฐกิจ คือ โทรศัพท์มือถือราคาสูง มากที่สุด รองลงมาคือ การเข้าถึงสื่อสังคม และการรับข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคม ตามลำดับ มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับข้อมูลและเนื้อหาที่ต้องทันสมัย เน้นการนำเสนอตัวอย่าง และลงมือปฏิบัติจริง ระยะเวลาในการนำเสนอเนื้อหามีความกระชับ ไม่เกิน 20 นาที 5) แนวทางการส่งเสริมการใช้สื่อสังคมในการส่งเสริมการผลิตข้าว คือ นักส่งเสริมการเกษตรให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการเพาะปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เป็นคลิปวิดีโอความยาวไม่เกิน 20 นาที ผ่านช่องทางยูทูป ประชาสัมพันธ์ช่วงเวลาฤดูกาลเก็บเกี่ยว เป็นข้อความหรือรูปภาพผ่านช่องทาง เฟซบุ๊ก และเดือนภัยเกี่ยวกับศัตรูพืชซึ้งต้องนำเสนออย่างรวดเร็วและเป็นปัจจุบันมากที่สุดในรูปแบบของข้อความและรูปภาพผ่านช่องทางไลน์ | th_TH |
| dc.format | application/pdf | en_US |
| dc.language.iso | th | en_US |
| dc.publisher | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช | th_TH |
| dc.rights | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช | th_TH |
| dc.rights | Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) | en_US |
| dc.rights.uri | https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/ | en_US |
| dc.source | Born digital | en_US |
| dc.subject | สื่อสังคมออนไลน์--การใช้ประโยชน์ | th_TH |
| dc.subject | ข้าว--การผลิต | th_TH |
| dc.subject | การส่งเสริมการเกษตร | th_TH |
| dc.title | การใช้สื่อสังคมในการส่งเสริมการผลิตข้าวของเกษตรกรในอำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง | th_TH |
| dc.title.alternative | Social media usage for rice production extension of farmers in Ban Khai district, Rayong Province | en_US |
| dc.type | Thesis | en_US |
| dc.degree.name | เกษตรศาสตรมหาบัณฑิต | th_TH |
| dc.degree.level | ปริญญาโท | th_TH |
| dc.degree.discipline | สาขาวิชาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์ | th_TH |
| dc.degree.grantor | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช | th_TH |
| dc.description.abstractalternative | The objectives of this research were to study 1) rice production conditions of farmers 2) nature of information receiving from media of farmers 3) needs in the use of social media in agricultural extension of farmers 4) problems and suggestions regarding the use of social media in agricultural extension of farmers and 5) extension guidelines in the use of social media in rice production extension of farmers. The population of this study was 525 rice production farmers in Ban Khai district, Rayong province. The sample size of 147 people was determined by using Taro Yamane and simple random sampling method. Tool used in this research was interview. Data were analyzed by using frequency, percentage, minimum value, maximum value, mean, standard variation, and content analysis for suggestions. The results of the research showed that 1) most of the farmers were male with the age between 51-60 years old, married ,and completed primary school education. They had the average member in the household of 9-4 people, held no position, and were not member of any organization. Their second job was contractor, held the average agricultural area of 5-8 Rai, earned the income in the agricultural sector of 50,001 - 100,000 per month, had the expense in buying phone of 1,000 – 5,000 Baht, and had the average expense about internet at 100-500 Baht/month. 2) Most of the farmers received the information from television media at the highest level. Second to that were from governmental media and social media such as YouTube, Line, and Facebook accordingly. 3) Farmers wanted to use Line at the highest level in regards to texts and pictures about pest management and product harvesting. Second to that was Facebook regarding the photos about soil preparation and distribution channels and YouTube on video clips regarding planting technology, product processing, and soil and fertilizer management. 4) Farmers faced with the problems about the use of social media regarding economic issue on the high price of the mobile phones. Second to that was the accessibility of the social media and the information receiving through social media respectively. Suggestion about information and content included that they should be up-to-date, example based presentation, and real practice with the compact content presentation duration of no more than 20 minutes. 5) Extension guidelines for the use of social media in rice production extension included that the agricultural extension officers gave out knowledge about planting technology to increase productivity and add value to the products in the form of video clip with no longer than 20 minutes in length through YouTube channel, promoted during harvest season in the form of texts or pictures through Facebook, and warned about pests which will have to present promptly and most up-to-date in the form of texts and photos through Line channel. | en_US |
| dc.contributor.coadvisor | จินดา ขลิบทอง, | th_TH |
| Appears in Collections: | Agri-Theses | |
Files in This Item:
| File | Description | Size | Format | |
|---|---|---|---|---|
| FULLTEXT.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 18.31 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License
