Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/12896
Title: การเปลี่ยนงานของพยาบาลวิชาชีพจากกลุ่มภารกิจด้านการพยาบาลสู่กลุ่มภารกิจด้านบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี
Other Titles: Job transition of professional nurses from departments of nursing service to departments of primary care service, Phrapokklao Hospital, Chantaburi Province
Authors: อารี ชีวเกษมสุข, อาจารย์ที่ปรึกษา
ชูชาติ พ่วงสมจิตร์, อาจารย์ที่ปรึกษา
วิภา ตุนาค, 2512-
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษา
Keywords: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์--วิทยานิพนธ์
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาการบริหารการพยาบาล--วิทยานิพนธ์
โรงพยาบาลพระปกเกล้า
พยาบาล--การโอนย้าย
Issue Date: 2564
Publisher: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
Abstract: การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ความต้องการเปลี่ยนงานของพยาบาลวิชาชีพจากกลุ่มภารกิจด้านการพยาบาลสู่กลุ่มภารกิจด้านบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี 2) ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนงาน และ 3) แนวทางการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนงาน การวิจัยแบบผสมวิธีนี้ มีกลุ่มที่ศึกษาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มที่ตอบแบบสอบถามเป็นพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานกลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล ได้รับการคัดเลือกแบบสุ่มอย่างเป็นระบบ จำนวน 259 คน และ 2) กลุ่มที่ร่วมสนทนากลุ่ม เป็นพยาบาลวิชาชีพที่ได้จากการคัดเลือกแบบเจาะจง จำนวน 8 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มี 2 ชุด คือ 1) แบบสอบถามการเปลี่ยนงานของพยาบาลวิชาชีพจากกลุ่มภารกิจด้านการพยาบาลสู่กลุ่มภารกิจด้านบริการปฐมภูมิ และ 2) แนวทางการสนทนากลุ่ม แบบสอบถามผ่านการตรวจความตรงเชิงเนื้อหาโดยมีค่าความตรงตามเนื้อหาอยู่ระหว่าง 0.60 -1.00 วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติเชิงพรรณนาและวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1) พยาบาลวิชาชีพมีความต้องการเปลี่ยนงานจากกลุ่มภารกิจด้านการพยาบาลสู่กลุ่มภารกิจด้านบริการปฐมภูมิเพียงร้อยละ 18.53 โดยต้องการเปลี่ยนงานใน 3 ลักษณะ ได้แก่ เปลี่ยนไปกลุ่มงานการพยาบาลชุมชน เปลี่ยนไปแผนกอื่นในองค์กรเดียวกัน และเปลี่ยนไปทำงานใหม่นอกองค์กร 2) ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เปลี่ยนงาน มี 3 ประการ ได้แก่ (1) การเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ (ร้อยละ 85.42): ยังทำงานเป็นพยาบาล (2) ลักษณะงานพยาบาล (ร้อยละ 79.17): เป็นภาระงานหนักและเครียด (3) ความจำเป็นทางครอบครัว (ร้อยละ 68.75): มีภาระต้องรับผิดชอบครอบครัวหลายประการ และ 3) แนวทางการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนงานแบ่งเป็น 2 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านองค์กร ได้แก่ (ก) สนับสนุนวิธีการบริหารงานชุมชน (ร้อยละ 77.08): ปรับระบบการบริการเป็นเชิงรุก (ข) จัดกรอบอัตรากำลังรองรับกับการเปลี่ยนแปลงให้ทันเวลา (ร้อยละ 75.00): วิเคราะห์ภาระงานและกรอบอัตรากำลัง และ (2) ด้านบุคคล ได้แก่ (ก) ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนงาน (ร้อยละ 85.42): วางแผนความก้าวหน้าในงาน ค่าตอบแทน และสวัสดิการที่เหมาะสม (ข) พัฒนาสมรรถนะการบริการระดับปฐมภูมิของพยาบาลวิชาชีพ (ร้อยละ 77.08): ต้องมีการพัฒนาตนเอง
Description: วิทยานิพนธ์ (พย.ม.(การบริหารการพยาบาล))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2564
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/12896
Appears in Collections:Nurse-Theses

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
FULLTEXT.pdfเอกสารฉบับเต็ม20.24 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons