Please use this identifier to cite or link to this item:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13444
Title: | ข้อจำกัดของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน |
Other Titles: | Limitations of mediation of the Civil Dispute Mediation Center |
Authors: | อิงครัต ดลเจิม รณิณตา หนูสวัสดิ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์ |
Keywords: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกกฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรม--การศึกษาเฉพาะกรณี การไกล่เกลี่ย ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน การศึกษาอิสระ--กฎหมายอาญาและกระบวนการยุติธรรม |
Issue Date: | 2566 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
Abstract: | การศึกษาค้นคว้าอิสระนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาแนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน (2) ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนของประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา เครือรัฐออสเตรเลียและสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (3) วิเคราะห์ปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน (4) เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหากฎหมายเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน การศึกษาค้นคว้าอิสระนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธีการวิจัยจากเอกสาร ซึ่งผู้ศึกษาได้ทำการรวบรวมข้อมูลจากหนังสือภาษาไทยและหนังสือภาษาต่างประเทศในประเทศที่ทำการศึกษา ข้อมูลจากตำรา และคำอธิบายต่าง ๆ และรวบรวมข้อมูลจากตำรากฎหมาย บทความเอกสาร รายงานการวิจัย วิทยานิพนธ์ ตลอดจนเอกสาร สิ่งพิมพ์ และสื่อทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบว่า (1) แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวกับการจัดการข้อพิพาท ได้แก่ ความเป็นธรรม ความรวดเร็ว ความประหยัด การรักษาความลับ โดยมีกลไกบังคับที่มีประสิทธิภาพ และรักษาสัมพันธภาพระหว่างคู่ความ (2) ในประเทศไทยกฎหมายที่ใช้ในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน คือพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 ในประเทศสหรัฐอเมริกา คือ กฎหมายว่าด้วยสิทธิพลเมือง ค.ศ.1964 ในเครือรัฐออสเตรเลียคือ กฎการไกลเกลี่ยและประนอมข้อพิพาท ค.ศ. 2004 ในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ คือกฎหมายว่าด้วยการระงับข้อพิพาททางเลือก ค.ศ. 2004 (3) ในประเทศไทยกฎหมายมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทไว้แต่กำหนดเพียงกว้างๆ และมิได้กำหนดคุณสมบัติที่จำเป็น ด้านอายุ ด้านการศึกษา และการฝึกอบรมที่จำเป็นต่อการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทบางลักษณะ และมิได้กำหนดหลักเกณฑ์เรื่องจริยธรรมของผู้ไกล่เกลี่ย รวมถึงข้อยกเว้นการบังคับตามข้อตกลงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทยังไม่ครอบคลุม ซึ่งแตกต่างจากกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา เครือรัฐออสเตรเลีย และสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (4) ควรมีการแก้ไขปัญหาโดยเพิ่มเติมคุณสมบัติ ของ ผู้ไกล่เกลี่ยตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 เรื่องอายุของผู้ไกล่เกลี่ยต้องไม่น้อยกว่า 30 ปี และการศึกษาต้องจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาที่จำเป็นสำหรับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ควรเพิ่มเติมจริยธรรมของผู้ไกล่เกลี่ยตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 โดยกำหนดให้ผู้ไกล่เกลี่ยต้องเปิดเผยการกระทำหรือความสัมพันธ์ของตนที่มีกับคู่ขัดแย้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่เป็นคนกลางให้คู่ขัดแย้งทราบ ห้ามรับทำการงานใดๆให้แก่คู่ขัดแย้งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ให้ไกล่เกลี่ยเฉพาะเรื่องที่ตนเองมีคุณสมบัติและทักษะเพียงพอ ต้องไม่อวดอ้างการที่ตนเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ต้องไม่โฆษณาเพื่อให้ตนเป็นผู้ไกล่เกลี่ย และควรเพิ่มเติมข้อยกเว้นการบังคับตามข้อตกลงระงับข้อพิพาทตาม มาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 ให้รวมถึงกรณีข้อตกลงถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขในภายหลังโดยไม่ได้รับความยินยอมจากคู่พิพาท คู่พิพาทฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยมีวัตถุประสงค์จูงใจให้คู่กรณีลงนามในข้อตกลงระงับ ข้อพิพาทด้วย |
URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/13444 |
Appears in Collections: | Law-Independent study |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
2624001760.pdf | 1.08 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.