Please use this identifier to cite or link to this item:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/1904
Title: | การผลิตและการตลาดอ้อยโรงงานแปลงเล็กในพื้นที่นาที่ไม่เหมาะสมของเกษตรกร ในพื้นที่อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ |
Other Titles: | Industrial sugarcane production and marketing in the small scale of inappropriate paddy rice area by farmers inKhumang District of Buri Ram Province |
Authors: | เบญจมาศ อยู่ประเสริฐ, อาจารย์ที่ปรึกษา สินีนุช ครุฑเมือง แสนเสริ, อาจารย์ที่ปรึกษา วิทมล แก้วกล้า, 2520- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักบัณฑิตศึกษา |
Keywords: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์ --วิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาส่งเสริมการเกษตร --วิทยานิพนธ์ เกษตรกร--ไทย--บุรีรัมย์ อ้อย--การผลิต--ไทย--บุรีรัมย์ อ้อย--การตลาด |
Issue Date: | 2556 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
Abstract: | วัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อศึกษา (1) สภาพพื้นฐานทางเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกร (2) สภาพการผลิตและการตลาดอ้อยของเกษตรกร (3) ความต้องการสนับสนุนด้านการผลิตและการตลาดอ้อยของเกษตรกร (4) ปัญหาและข้อเสนอแนะของเกษตรกร ผลการวิจัย พบว่า (1) เกษตรกรที่ศึกษา ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุเฉลี่ย 46.94 ปี ส่วนมากจบการศึกษาระดับประถมศึกษาปี 4 มีประสบการณ์ในการปลูกอ้อยเฉลี่ย 7.28 ปี เกือบทั้งหมดเป็นสมาชิกของสมาคมชาวไร่อ้อยจังหวัดบุรีรัมย์ ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกลูกค้า ธกส. และได้รับการฝึกอบรมการปลูกอ้อยจากโรงงานน้าตาลบุรีรัมย์ เป็นสมาชิกชาวไร่อ้อยเฉลี่ย 6.85 ปี มีพื้นที่ทำการเกษตรเฉลี่ย 20.71 ไร่ มีพื้นที่ปลูกอ้อยเฉลี่ย 11.62 ไร่ มีแรงงานในครัวเรือนที่ทำไร่อ้อยเฉลี่ย 2.23 คน ส่วนใหญ่มีอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตรในการทำไร่อ้อย อาศัยน้ำฝนเป็นหลัก มีรายได้ภาคการเกษตรเฉลี่ย 199,945.29 บาท/ปี มีรายได้จากการปลูกอ้อยเฉลี่ย 166,996.43 บาท/ปี มีรายได้นอกภาคการเกษตรเฉลี่ย 40,109.29 บาท/ปี ส่วนใหญ่กู้เงินปลูกอ้อยจากโรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ เฉลี่ย 49,042.06 บาท มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 8,385.502 บาท/ไร่ มีผลผลิตเฉลี่ย 13.002 ตัน/ไร่ มีค่าความหวาน (C.C.S.) เฉลี่ย 12.82 ราคาผลผลิตเฉลี่ย 1,141.43 บาท/ตัน มีรายได้สุทธิ(กำไร)เฉลี่ย 6,448.49 บาท/ไร่ (2) เกษตรกรเกือบทั้งหมดปลูกอ้อยพันธุ์ขอนแก่น 3 ปลูกอ้อยในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์โดยใช้เครื่องปลูก ใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชเฉลี่ย 2.24 ครั้ง/ปี ตรวจแปลงอ้อยเฉลี่ย 9.41 ครั้ง/เดือน ไว้ตอได้ 3 ตอ ส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวโดยจ้างแรงงานตัดแล้วใช้รถคีบขึ้นรถบรรทุกและตัดอ้อยไหม้ไฟส่งโรงงานน้ำตาล ระยะทางจากแปลงอ้อยถึงจุดรับซื้อเฉลี่ย 13.27 กิโลเมตร มีการตรวจสอบราคาก่อนจำหน่าย (3) ความต้องการสนับสนุนของเกษตรกรในระดับมาก คือ การผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์ การปลูก การขายและการรับซื้ออ้อย การรวมกลุ่มเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง การจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพและราคาถูก (4) ปัญหาของเกษตรกรในระดับมาก คือ อุปกรณ์ ปุ๋ยเคมี สารเคมีและค่าจ้างแรงงานมี ราคาแพง ต้นทุนการผลิต/ไร่สูง เกษตรกรมีข้อเสนอแนะให้มีการรวมกลุ่มผู้ปลูกอ้อยในชุมชน สนใจใฝ่หาความรู้เทคโนโลยีการผลิตอ้อย ลดการใช้ปุ๋ยเคมี สารเคมี และข้อเสนอแนะจากการวิจัยคือ อบรมให้ความรู้ในด้านการผลิตและการตลาดแก่เกษตรกรเพื่อลดต้นทุนการผลิต เช่น การปลูกอ้อยข้ามแล้ง การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน เป็นต้น รณรงค์ส่งเสริมและตั้งมาตรการในการตัดอ้อยสดและสะอาดส่งโรงงาน |
Description: | วิทยานิพนธ์ (กษ.ม. (ส่งเสริมการเกษตร))--มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2556 |
URI: | http://ir.stou.ac.th/handle/123456789/1904 |
Appears in Collections: | Agri-Theses |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
142849.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 17.68 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License