Please use this identifier to cite or link to this item:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/2184
Title: | โครงสร้างตลาด พฤติกรรมการแข่งขันและผลการดำเนินงานของอุตสาหกรรมกระดาษอนามัยในประเทศไทย |
Other Titles: | Market structure conduct and performance of sanitary paper industry in Thailand |
Authors: | สุภาสินี ตันติศรีสุข เอื้อมพร ใหม่ก๋งลาย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ |
Keywords: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาเศรษฐศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี อุตสาหกรรมกระดาษ--ไทย |
Issue Date: | 2552 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
Abstract: | การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) โครงสร้างตลาดของอุตสาหกรรมกระดาษ อนามัยในประเทศไทย 2) พฤติกรรมการแข่งขันของอุตสาหกรรมกระดาษอนามัยในประเทศไทย 3) ผลการดำเนินงานของอุตสาหกรรมกระดาษอนามัยในประเทศไทย 4) ปัญหาและอุปสรรคของอุตสาหกรรมกระดาษอนามัยในประเทศไทย วิธีที่ใช้ในการวิเคราะห์โครงสร้างตลาดใช้วิธีอัตราส่วนการกระจุกตัว ดัชนีเฮอร์ฟินดาล-เฮิร์ซแมน ดัชนีชีซีไอ และดัชนีแฮนนาและเคย์โดยรวบรวมข้อมูลงบการเงินในปี พ.ศ.2545- 2550 จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ การวิเคราะห์พฤติกรรมการแข่งขันใช้วิธีวิเคราะห์เชิงพรรณนา ดัวยการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามของผู้ผลิตกระดาษอนามัยจำนวน 6 ราย ส่วนผลการดำเนินงานใช้อัตรากำไรสุทธิวัดผลการดำเนินงานและใช้อัตราผลตอนแทนต่อการลงทุนวัดประสิทธิภาพของการลงทุนโดยรวบรวมข้อมูลงบการเงินในปี พ.ศ.2545-2550 จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ผลการศึกษาพบว่า 1) โครงสร้างตลาดของอุตสาหกรรมกระดาษอนามัยในประเทศ ไทยเป็นตลาดผู้ขายน้อยรายพบว่ามีค่าการกระจุกตัวสูงค่า CR2 ร้อยละ 81.66 และค่า CR4 ร้อยละ 97.53 ค่า HHI เท่ากับ 0.3687 ค่า CCI เท่ากับ 0.7026 พบว่าอำนาจการต่อรองค่อนข้างสูง มีการแข่งขันระหว่างหน่วยธุรกิจค่อนข้างต่ำ ค่า HK เท่ากับ 3 พบว่าผู้ผลิตที่มีอิทธิพลในอุตสาหกรรมมีประมาณ 3 ราย 2) พฤติกรรมการแข่งขันเน้นการแข่งขันด้านมิใช่ราคามากกว่าการแข่งขันด้านราคาโดยเน้นการโฆษณาทางโทรทัศน์ การวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และการปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ 3) ผลการดำเนินงานโดยพิจารณาจากอัตรากำไรสุทธิในปี พ.ศ.2545-2550 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.81 และอัตราผลตอบแทนต่อเงินลงทุนในปี พ.ศ.2545-2550 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.06 ซึ่งผลการดำเนินงานมีแนวโน้มอยู่ในระดับที่ลดลง 4) ปัญหาที่พบ คือ การควบคุมต้นทุนทีทำได้ยากมักเกิดปัญหาในกระบวนการผลิต และอุปสรรค คือ เครื่องจักรและซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์นั้นมีราคาสูง |
URI: | http://ir.stou.ac.th/handle/123456789/2184 |
Appears in Collections: | Econ-Independent study |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
127593.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 4.75 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License