Please use this identifier to cite or link to this item:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/2449
Title: | การเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์นิคมกบินทร์บุรี จำกัด จังหวัดปราจีนบุรี |
Other Titles: | Increasing the business potential of Kabin Buri Settlement Cooperative Limited Prachin Buri Province |
Authors: | ศิริลักษณ์ นามวงศ์ ดวงมณี พิมพานนท์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์ |
Keywords: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์--การศึกษาเฉพาะกรณี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาสหกรณ์--การศึกษาเฉพาะกรณี สหกรณ์นิคมกบินทร์บุรี สหกรณ์--การจัดการ สหกรณ์--การบริหาร.--ไทย--ปราจีนบุรี |
Issue Date: | 2561 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
Abstract: | การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจ 2) ศึกษาความต้องการในการพัฒนาการดำเนินธุรกิจ และ 3) เสนอแนะแนวทางการเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์นิคมกบินทร์บุรี จำกัด การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ 1) การวิจัยเชิงปริมาณประชากร คือ สมาชิกสหกรร์นิคมกบินทร์บุรี จำกัด ณ 31 มีนาคม 2561 จำนวนทั้งหมด 4,462 คน ได้กลุ่มตัวอย่าง 367 คน เก็บรวบรวมโดยใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ 2) การวิจัยเชิงคุณภาพกลุ่มผู้ให้ข้อมูล คือ คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ 15 คน ฝ่ายจัดการสหกรณ์ 6 คน ผู้ตรวจสอบกิจการ 1 คน รวม 22 คน โดยศึกษาจากประชากรทั้งหมด ผลการศึกษาพบว่า 1) สภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ปัจจัยภายในที่เป็นจุดแข็ง คือ คณะกรรมการ ฝ่ายจัดการ มีความเข้าใจพร้อมหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับสหกรณ์ มีแหล่งเงินทุนจากภายใน มีทำเลที่ตั้งที่ดีและโครงสร้างการบริหารงานและจัดสวัสดิการเหมาะสม จุดอ่อนของสหกรณ์ คือ คณะกรรมการขาดความรู้ด้านกฎหมาย สมาชิกไม่เข้าใจบทบาทของตน สหกรณ์ต้องอาศัยเงินทุนจากภายนอก และขาดทุนจากการดำเนินงาน จัดหาสินค้ามาจำหน่ายไม่พอต่อความต้องการ และไม่สามารถเก็บหนี้จากสมาชิกได้ สำหรับปัจจัยภายนอกสหกรณ์มีโอกาส คือนโยบายรัฐบาลสนับสนุนให้มีการพัฒนาสหกรณ์ และสนับสนุนเงินทุน นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ สหกรณ์มีอุปสรรค คือ วัสดุอุปกรร์ทางการเกษตรมีราคาสูง ผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำ สมาชิกไม่สามารถชำระหนี้ได้ คู่แข่งทางการค้าเพิ่มขึ้น 2) ความต้องการในการพัฒนาการดำเนินธุรกิจ (1) ธุรกิจสินเชื่อพบในระดับมากที่สุด คือ ผู้มีรายได้น้อยสามารถกู้ได้ค่าเฉลี่ยระดับมาก คือ การนำหลักทรัพย์มาค้ำประกัน พักชำระหนี้ให้กับสมาชิก ปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้กับสมาชิกที่ชำระเงินตรงตามเวลา และพิจารณาการให้สินเชื่อของสมาชิกที่มีรายได้หลายแหล่ง (2) ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย พบในระดับมาก คือ สินค้าตรงตามความต้องการของสมาชิกค่าเฉลี่ย การจัดกิจกรรมพิเศษในวันสำคัญของสหกรณ์ ราคาสินค้ามีความเหมาะสม และให้บริการผ่านประธานกลุ่ม (3) ธุรกิจรับฝากเงิน พบในระดับมาก คือ สมาชิกต้องการดอกเบี้ยที่สูงกว่าธนาคารพาณิชย์ จัดให้มีโปรโมชั้นพิเศษในด้านอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นให้เกิดการออม ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์มีความเหมาะสมค่าเฉลี่ย มีความเชื่อมั่นในระบบการบริหารงานของสหกรณ์ และ (4) ธุรกิจรวบรวมผลผลิต พบในระดับมาก คือ จ่ายเงินให้สมาชิกได้อย่างรวดเร็ว ต้องการให้สหกรณ์รับซื้อในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด มีบริการรถวิ่งรับส่งผลผลิตถึงบ้านสมาชิก และผลผลิตมีเพียงพอที่ต้องการให้สหกรณ์รับซื้อ และ 3) แนวทางการเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานของสหกรณ์ ในธุรกิจสินเชื่อสหกรณ์ควรติดตามหนี้ค้างนานจากสมาชิก สำหรับธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่ายสหกรณ์ควรสำรวจความต้องการของสมาชิกก่อนจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ส่วนธุรกิจรับฝากสหกรณ์ควรกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอย่างเหมาะสม และธุรกิจรวบรวมผลผลิตสหกรณ์ควรเตรียมความพร้อมในด้านเงินทุน แรง วัสดุอุปกรณ์ เพราะสมาชิกมีผลผลิตเพียงพอที่ต้องการให้สหกรณ์รวบรวม |
URI: | http://ir.stou.ac.th/handle/123456789/2449 |
Appears in Collections: | Agri-Independent study |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
161551.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 14.11 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License