กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/2864| ชื่อเรื่อง: | ผลการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E เรื่องพืช ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านสองสลึง จังหวัดระยอง |
| ชื่อเรื่องอื่นๆ: | The effects of the 7E inquiry learning activities management in the topic of plants on learning achievement of Pratom Suksa V students at Ban Songsalueng School in Rayong Province |
| ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: | จุฬารัตน์ ธรรมประทีป, อาจารย์ที่ปรึกษา กาญจนา สุภาจารุวงศ์, 2518- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ |
| คำสำคัญ: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ --การศึกษาเฉพาะกรณี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. แขนงวิชาหลักสูตรและการสอน --การศึกษาเฉพาะกรณี วิทยาศาสตร์--การศึกษาและการสอน (ประถมศึกษา)--ไทย--ระยอง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน--วิทยาศาสตร์ การเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ |
| วันที่เผยแพร่: | 2559 |
| สำนักพิมพ์: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
| บทคัดย่อ: | การวิจัยครั้งมีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องพืช ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ที่เรียนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E และ (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องพืช หลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ที่เรียนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E กับเกณฑ์ร้อยละ 75กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559โรงเรียนบ้านสองสลึง จังหวัดระยอง จำนวน 32 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E เรื่องพืช และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องพืช สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีผลการวิจัยปรากฏว่า (1) นักเรียนที่เรียนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E เรื่องพืชมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเรื่องพืช สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01และ(2) นักเรียนที่เรียนโดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 7E มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนเรื่องพืช สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 75 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 |
| URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/2864 |
| ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | Edu-Independent study |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
| แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
|---|---|---|---|---|
| fulltext_155986.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 4.21 MB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการนี้ได้รับอนุญาตภายใต้ Creative Commons License
