Please use this identifier to cite or link to this item: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/4188
Title: การดักฟังทางโทรศัพท์ในคดียาเสพติด: กรณีศึกษากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
Other Titles: Wiretapping in Narcotic cases : a case study of Narcotic Suppression Bureau
Authors: กมลชัย รัตนสกาววงศ์, อาจารย์ที่ปรึกษา
รัฐพงษ์ ศรีเลอจันทร์, 2521-
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์
Keywords: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกกฎหมายมหาชน--การศึกษาเฉพาะกรณี
กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
ยาเสพติด--คดีและการสู้คดี
โทรศัพท์
การศึกษาอิสระ--กฎหมายมหาชน
Issue Date: 2556
Publisher: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
Abstract: การศึกษาค้นคว้าอิสระเรื่อง “การดักฟังทางโทรศัพท์ในคดียาเสพติด: กรณีศึกษากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด” นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อหาหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดักฟังโทรศัพท์ในคดียาเสพติด (2) เพื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบการดักฟังทางโทรศัพท์ของประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ (3) เพื่อวิเคราะห์ปัญหาเกี่ยวกับการดักฟังโทรศัพท์ในคดียาเสพติด และ (4) เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการดักฟังโทรศัพท์ในคดียาเสพติด การศึกษาครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธีการวิจัยเอกสารจากการรวบรวมเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นตำรา บทความทางวิชาการ วิทยานิพนธ์ งานวิจัย และตัวบทกฎหมายทั้งของประเทศไทยและต่างประเทศ จากนั้นจึงนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ผลการศึกษาพบว่า แม้การดักฟังโทรศัพท์จะมีข้อจำกัดเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพ และข้อจำกัดในด้านอื่น ๆ แต่หากมีการนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะก่อให้เกิดประโยชน์ในการปฏิบัติงานด้านการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติด ซึ่งในทางปฏิบัติแล้ว การดักฟังทางโทรศัพท์จะมีการขออนุญาตโดยถูกต้องตามกฎหมายน้อยมากจนแทบจะไม่มีการนำมาตรการการดักฟังมาใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา หากเปรียบเทียบกับสถิติการจับกุมคดียาเสพติด เนื่องด้วยเหตุต่าง ๆ ดังนี้ (1) ความยุ่งยากในการขออนุญาต ตลอดจนขั้นตอนการรายงานผลการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารให้ผู้บังคับบัญชา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาทราบ (2) การปฏิบัติงานดักฟังของเจ้าหน้าที่มีความเสี่ยงเนื่องด้วยยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ดักฟังอย่างเพียงพอ หากมีมูลเหตุว่าผู้ถูกดักฟังไม่ได้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิด อาจเกิดการฟ้องร้องเรื่องการละเมิดสิทธิขึ้นมาได้ และ (3) ยังไม่มีกฎหมายกำหนด ขอบเขตที่ชัดเจน กรณีการนำข้อมูลที่ได้จากการดักฟังในคดียาเสพติดมาใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอื่น ๆ ได้ จึงอาจมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านกฎหมายดังกล่าวอันประกอบด้วยข้อเสนอแนะหลายประการ เช่น (1) ควรมีหลักกฎหมายกลางเกี่ยวกับการดักฟัง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องการมีอำนาจในการดักฟัง ต้องออกกฎหมายรองรับให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายหลักในเรื่องการดักฟังดังกล่าว (2) ควรเสนอให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการดักฟัง โดยมีการตรากฎหมายเป็นพระราชบัญญัติกำหนดให้ใช้กฎหมายการดักฟังกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและความผิดตามพระราชบัญญัติที่มีโทษทางอาญาตามฐานหรืออัตราโทษที่กำหนดได้ รวมทั้งควรกำหนดขอบเขตให้ข้อมูลที่ได้จากการดักฟัง สามารถนำไปใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญาอื่น ๆ ได้
URI: https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/4188
Appears in Collections:Law-Independent study

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
Fulltext.pdfเอกสารฉบับเต็ม5.62 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons