Please use this identifier to cite or link to this item:
https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/4310
Title: | วิธีพิจารณาคดีปกครอง : กรณีคู่กรณีถึงแก่ความตาย |
Other Titles: | Administrative court procedure : death of a party in litigation |
Authors: | ลาวัลย์ หอนพรัตน์ วีระยุทธิ์ หลักเพชร, 2520- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์ |
Keywords: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สาขาวิชานิติศาสตร์--การศึกษาเฉพาะกรณี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วิชาเอกกฎหมายมหาชน--การศึกษาเฉพาะกรณี วิธีพิจารณาคดีปกครอง การศึกษาอิสระ--กฎหมายมหาชน |
Issue Date: | 2559 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช |
Abstract: | การศึกษาค้นคว้าอิสระ เรื่อง วิธีพิจารณาคดีปกครอง : กรณีคู่กรณีถึงแก่ความตาย มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นมาและแนวคิดเกี่ยวกับวิธีพิจารณาความแพ่งและวิธีพิจารณาคดีปกครอง กฎหมายว่าด้วยกรณีคู่กรณีถึงแก่ความตายหรือคู่ความมรณะ วิเคราะห์ปัญหากรณีคู่กรณีถึงแก่ความตาย เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 และเป็นการอุดช่องว่างทางกฎหมายและคุ้มครองประโยชน์ของคู่กรณี ประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน และประโยชน์แก่ส่วนรวม ตามเจตนารมณ์ในการจัดตั้งศาลปกครอง การศึกษาค้นคว้าอิสระนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการวิจัยเอกสารจากวรรณกรรมทางกฎหมายเอกชน มหาชน และกฎหมายปกครอง เช่น ตัวบทกฎหมาย คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล หนังสือ วิทยานิพนธ์ วารสาร บทความ สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบว่า การนำหลักการของวิธีพิจารณาความแพ่งในเรื่องคู่ความมรณะมาบัญญัติไว้โดยตรงในกฎหมายวิธีพิจารณาคดีปกครองเรื่องคู่กรณีถึงแก่ความตายยังไม่สอดคล้องกับวิธีพิจารณาคดีปกครองเนื่องจากข้อพิพาททางปกครองเกิดขึ้นจากการที่หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจตามกฎหมายมหาชนซึ่งเป็นอำนาจที่เหนือกว่าเอกชน โดยออกคำสั่งและกระทำการที่มีผลกระทบต่อเอกชน ซึ่งเอกชนอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบและไม่เท่าเทียมกับหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ และผลของคำพิพากษา คดีปกครองอาจกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และประโยชน์แก่ส่วนรวม จึงเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาโดยให้ศาลปกครองมีอำนาจในการพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีนั้นต่อไปในกรณีที่คู่กรณีถึงแก่ความตาย แต่คดีนั้นมีข้อเท็จจริงเพียงพอที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดคดีได้แล้ว และให้ศาลมีอำนาจเรียกบุคคลผู้เข้าแทนที่คู่กรณีผู้ถึงแก่ความตายเข้ามาในคดีได้เองโดยไม่จำต้องมีคำขอของฝ่ายใด กับให้บุคคลดังกล่าวซึ่งเพิ่งทราบถึงการฟ้องคดีของคู่กรณีผู้ถึงแก่ความตายหลังจากศาลมีคำสั่งจาหน่ายคดีออกจาก สารบบความและคดีถึงที่สุดแล้วมีสิทธิยื่นคำขอให้ศาลดำเนินคดีต่อไปและขอเข้ามาในคดี โดยให้ยื่นคำขอภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่บุคคลข้างต้นรู้หรือควรรู้ถึงการจำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาล แต่ไม่เกินห้าปี นับแต่วันที่ศาลได้มีคำสั่งดังกล่าว โดยสมควรแก้ไขมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 เพื่อให้ศาลมีอำนาจดังกล่าว |
URI: | https://ir.stou.ac.th/handle/123456789/4310 |
Appears in Collections: | Law-Independent study |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
Fulltext.pdf | เอกสารฉบับเต็ม | 13.71 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License